ผู้พิพากษาศาลในเมืองซีแอตเทิลของสหรัฐได้ออกคำสั่งระงับใช้คำสั่งผู้บริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แบนชาวมุสลิมจาก 7 ประเทศ ประกอบด้วย อิรัก อิหร่าน ซีเรีย ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน ไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐเป็นการชั่วคราว แม้ทนายความของรัฐบาลจะอ้างว่ารัฐต่างๆ ไม่สามารถที่จะท้าทายคำสั่งผู้บริหารของประธานาธิบดีได้ก็ตาม
คำพิพากษาครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายสำคัญต่อรัฐบาลภายใต้การนำของทรัมป์ ซึ่งในทางทฤษฎีหมายความว่าขณะนี้ประชาชนจาก 7 ประเทศสามารถที่จะยื่นขอวีซ่าสหรัฐได้
อย่างไรก็ดีนายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันที โดยระบุว่าคำสั่งศาลเป็นเรื่องอุกอาจ และกระทรวงยุติธรรมจะยื่นคำขอฉุกเฉินเพื่อให้ยุติคำสั่งของผู้พิพากษาทันที เพื่อปกป้องคำสั่งผู้บริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งเป็นเรื่องชอบด้วยกฎหมายและมีความเหมาะสม เพราะคำสั่งของทรัมป์มีเป้าประสงค์เพื่อปกป้องประเทศและประธานาธิบดีก็มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญรวมถึงมีความรับผิดชอบที่จะต้องปกป้องประชาชนอเมริกัน
ทั้งนี้รายงานระบุว่าหลังจากทรัมป์ลงนามในคำสั่งผู้บริหารแบนผู้อพยพและนักเดินทางจาก 7 ประเทศ มีผู้ที่ถูกยกเลิกวีซ่าไปแล้วถึง 100,000 ราย อย่างไรก็ดีมีการปรับลดตัวเลขในเวลาต่อมาลงเหลือเพียง 60,000 ราย หลังนำเอาตัวเลขของบรรดานักการทูตและผู้ที่วีซ่าหมดอายุแล้วออกไป