ที่มา | คอลัมน์ เริงโลกด้วยจิตรื่น |
---|---|
ผู้เขียน | จันทร์รอน |
ความเป็นปกติของชีวิตคือ บางทีใจสบาย บางทีไม่สบายใจ
มนุษย์เรามีความสุขกับใจที่สบาย และอึดอัดคับข้องกับใจที่ไม่สบาย แต่ทั้งความสุขความทุกข์กลับเป็นเรื่องปกติของชีวิต
มีความพยายามที่จะบอกเล่าสั่งสอนกันว่าให้วางใจไว้ที่ความสุข คล้ายกันเมื่อเวลามีทุกข์ให้หาทางสลัดทิ้งไปเสีย หาทางที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขดีกว่า
อาจจะได้…ถ้ากลุ้มใจขึ้นมาก็ไปหาเรื่องเริงรมย์ ดูหนัง ฟังเพลง สังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง เพื่อเอาความคิดออกจากเรื่องที่ไม่สบายใจ
แต่รู้ๆ กันอยู่ว่า เดี๋ยวมันก็กลับมา
ชีวิตไม่สามารถอยู่กับบรรเทิงเริงรมย์ได้ตลอดไป ต้องกลับมาอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง ในเวลาที่ต้องกลับมาอยู่กับความเป็นจริงของชีวิตนั้น เรื่องราวที่กลบเกลื่อนลืมเลือนไปจะกลับมา
และมีความเป็นจริงอยู่อย่างหนึ่งคือ กลับมาเมื่อไรจะเป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกหนักหนาสาหัสกว่าเดิม
เป็นความปกติของพัฒนาการ ไม่ว่าสิ่งใดหากไม่สะสางก็จะสะสม จากเล็กๆ น้อยๆ จะใหญ่โตขึ้น โดยเฉพาะความรู้สึกนึกคิดที่เราเก็บกดไว้ เพราะไม่ถูกใจมักจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นเรื่องราวที่อธิบายได้ด้วยหลักแห่งกรรม
กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมกลับมาสนอง หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีใครหนีกรรมที่ตัวเองทำไว้พ้น
หนทางจัดการกับทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์คือ “ยอมรับ”
เปิดประตูใจทุกบานเพื่อให้ทุกความรู้สึกนึกคิดผ่านเข้ามาในชีวิต
ความยุ่งยากของมนุษย์เราเกิดจากสัญชาตญาณปกป้องตัวเองจากสิ่งที่จิตประเมินว่าจะไม่ดี หรืออันตราย
“ความจำได้ หมายรู้” ที่สะสมมาทั้งทางกรรมพันธุ์ การได้รับการสั่งสอน ค่านิยม วัฒนธรรม และระบบการเรียนรู้ต่างๆ จะใส่ข้อมูลว่า “สิ่งนั้นอันตราย สิ่งนี้ต้องหลบเลี่ยง สิ่งโน้นต้องไม่ให้เกิดขึ้น” ไว้
ในจิตมีกรอบความคิดที่จะกระตุ้นสัญชาตญาณให้ปฏิเสธ ให้ปกปิดไว้มากมาย
เมื่อมีเรื่องราวหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากระตุ้นให้สัญชาตญาณทำงานเพื่อปกป้อง ความกลัว ความวิตกกังวลจะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ
หากจัดการด้วยวิธีเบี่ยงเบนความกลัว ความวิตกกังวลนั้นให้ออกไปจากความคิด โดยวิธีให้ความใส่ใจมุ่งไปเรื่องอื่น ความวิตกกังวลนั้นจะหยุดทำงานได้ แต่ชั่วคราว เพราะหลังจากเรื่องราวที่ใช้เบี่ยงเบนจบลง ปมในใจที่ก่อให้เกิดความกลัว วิตกกังวลจะกลับมาอีก
หนทางที่ดีกว่าคือ เปิดใจให้เต็มที่ ยอมรับความกลัว ความวิตกกังวลนั้น และแทนที่จะใช้เรื่องราวอื่นๆ ที่เป็นภายนอกมาเบี่ยงเบน ให้ใช้การเพ่งความเป็นไปของความกลัว และความวิตกกังวลนั้นว่าดำเนินไปอย่างไรกับจิตใจของเรา เพ่งแบบไม่บังคับบัญชาให้ต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แค่เห็นว่าเป็นไปอย่างไร ตั้งสมาธิให้เห็นอย่างต่อเนื่อง อดทนอดกลั้นปล่อยให้ความไม่สบายใจนั้นดำเนินไปเรื่อย
กระทั่งเห็นเป็นกรอบความคิด เห็นปมในใจ และเห็นเหตุที่ทำให้เกิดปมนั้น
หากในที่สุดแล้วยอมรับได้อย่างเต็มใจว่า ปมในใจเป็นผลของกรรมก่อขึ้นมาในใจเรา การยอมรับว่าเป็นปกติของผลแห่งกรรมที่จะต้องดำเนินไป ไม่ต้องหลีกเลี่ยง จะเป็นหนทางที่เคลียร์ความกลัดกลุ้ม กังวลนั้นได้ดีที่สุด
เพราะนั่นคือหนทางที่งอกเงยจากความเป็นจริง ซึ่งตรงกันข้ามกับการสร้างมายาขึ้นมาปกปิดความเป็นจริง
รู้ความเป็นจริง ไม่ใช่หลงในมายา
คือการสะสางปมในใจที่ได้ผลยั่งยืน