เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 31 กรกฎาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ผู้ประกอบการร้านขายโทรศัพท์แห่งหนึ่ง พร้อมด้วยผู้เสียหายกว่า 50 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. เพื่อแจงความดำเนินคดีกับ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ชาว จ.นครปฐม และพวกรวม 6 คน ฐานฉ้อโกงประชาชน โดยนำเอกสารหลักฐาน บัญชีการเงิน มามอบให้เป็นหลักฐาน
นายเอ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รู้จักกับ น.ส.บี เนื่องจากอยู่ในแวดวงธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือด้วยกัน กระทั่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา น.ส.บี ชักชวนให้นำเงินมาเล่นแชร์ออนไลน์รายสัปดาห์ อ้างว่าจะให้ดอกเบี้ยตอบแทนในอัตราสูง เนื่องจาก น.ส.บี อ้างว่า ที่เปิดวงแชร์ขึ้นมานั้นเพื่อต้องการระดมเงินไปลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อน เมื่อได้เงินปันผลจากธุรกิจดังกล่าวจะนำมาจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยให้กับลูกแชร์คืน ตนเห็นว่ารู้จักมักคุ้นกันกับ น.ส.บี มานานหลายปี จึงเกิดความไว้ใจนำเงินมาลงทุนเล่นแชร์กับ น.ส.บีโดยเริ่มต้นจากเงิน 5 หมื่นบาท ช่วงแรกเห็นว่าได้ดอกเบี้ยจริง จึงนำเงินมาลงทุนเพิ่มเป็น 6 ล้านกว่าบาท พร้อมกับชักชวนญาติพี่น้องและคนรู้จักให้มาเล่นแชร์กับน.ส.บี ด้วย ทั้งนี้เมื่อเริ่มมีจำนวนผู้นำเงินมาเล่นแชร์กับ น.ส.บี มากขึ้น ได้มีการเปิดวงแชร์อีกหลายกลุ่ม มีผู้ร่วมขบวนการอีก 5 รายคอยช่วยกันทำหน้าที่เป็นแอดมินบริหารจัดการแชร์แต่ละวง กระทั่งต่อมาแชร์ของ น.ส.บี เริ่มผลัดผ่อนจ่ายเงินค่าดอกเบี้ยให้กับตนและลูกแชร์คนอื่นๆเกือบ200 คน ก่อนจะเริ่มขาดการติดต่อ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 120 ล้านบาท ตนและผู้เสียหายรายอื่นๆจึงรวมตัวกันมาแจ้งความ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากเห็นว่าจำนวนผู้เสียหายที่มาแจ้งความในวันนี้มีจำนวนมาก ประกอบกับ เอกสารหลักฐานที่เตรียมมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ยังไม่ครบถ้วน จึงได้สอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้น ก่อนจะทำเรื่องส่งต่อให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป