ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้า 18 |
---|---|
คอลัมน์ ไซเบอร์ทีน | |
ผู้เขียน | พี่ศรีหนุ่ย |
เผยแพร่ |
เกาหลีใต้ เปิดค่าย ล้างพิษเด็กเสพติดมือถือ
เกาหลีใต้ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอินเตอร์เน็ตคุณภาพดีที่สุดในโลก แถมยังมีความเก่งกาจด้าน “อี-สปอร์ต” หากแต่ข้อดีเหล่านี้ กลับมีข้อเสียตามมา
นั่นคือ เกาหลีใต้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้คนติดมือถือมากที่สุดในโลก จนกลายเป็นปัญหาหนักของทางการเกาหลีใต้
จากตัวเลขของทางการเกาหลีใต้พบว่า เมื่อปีที่ผ่านมามีวัยรุ่นเกาหลีใต้ที่มีมือถือใช้ถึงกว่า 98 เปอร์เซ็นต์ และในจำนวนนี้ มีถึง 1 ใน 3 ที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า เป็นคน “ติดมือถือ”
จริงๆ แล้ว คุณพี่ว่า มันก็ดูเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าตอนนี้ในสังคมไทยเรา หันไปทางไหน คนก็ก้มหน้าก้มตาดูแต่มือถือ
แต่ทีนี้ ที่น่าเป็นห่วงก็คือ บรรดาเด็กๆ เยาวชนทั้งหลาย ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของเกาหลีใต้ ระบุว่า กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ของเด็กๆ อายุ 10-19 ปี ของเกาหลีใต้ ที่มีอาการ “เสพติดมือถือเกินขนาด”
อาการเสพติดมือถือเกินขนาดนั้น คืออาการขั้นรุนแรงสำหรับผู้ที่ติดสมาร์ทโฟน ที่อาจจะรวมไปถึงการสูญเสียการควบคุมตัวเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ เริ่มรู้สึกว่าน่ากลัวแล้วเนาะ!
เมื่อดูแล้วว่ามีปัญหา ทางการเกาหลีใต้ก็ไม่รอช้า ที่จะหาทางแก้ ด้วยการจัดค่าย “ล้างพิษเด็กเสพติดมือถือ” ขึ้นมา
โดย ค่ายล้างพิษเด็กติดมือถือ นี้ จัดขึ้นโดยกระทรวงความเท่าเทียมกันทางเพศและครอบครัว ที่จัดขึ้น 16 ค่ายทั่วประเทศ และมีนักเรียนทั้งจากมัธยมต้นและปลายเข้าร่วมราว 400 คน แต่ละค่ายจะรับเด็กครั้งละราว 25 คน แบ่งแยกชาย-หญิง จ่ายเพียงค่าอาหาร ที่เหลือ “ฟรี” ซึ่งการตั้งค่ายจะตั้งอยู่ให้ไกลจากตัวเมือง เพื่อให้เด็กๆ ได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการเล่นกีฬา ทำงานศิลปะ การทำสมาธิ
และระหว่างการร่วมกิจกรรมในค่ายนี้ จะไม่มี “มือถือ” มาเกี่ยวข้องเลย
ผู้อำนวยการของค่ายแห่งหนึ่งบอกว่า ส่วนใหญ่แล้ว ช่วง 2 วันแรก ที่เป็นช่วงปรับตัว เด็กๆ จะยังมีอาการต่อต้านอยู่ กระทั่งเข้าสู่วันที่ 3 ก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง เพราะเด็กๆ จะเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย และพูดคุยกับเพื่อนใหม่ได้ ออกไปวิ่งเล่นได้อย่างสบายใจ ไม่กังวลโหยหามือถือ
บรรดาพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่เห็นว่าบุตรหลานของตัวเองกำลังเริ่มมีปัญหาจากอาการติดมือถือ ก็พากันส่งลูกหลานเข้าค่ายกัน
แต่ปัญหาก็คือ พอเสร็จจากการเข้าค่ายแล้ว เด็กๆ เหล่านี้จะสามารถอยู่ได้โดยไม่ “เสพติด” มือถือได้มากน้อยแค่ไหน
แล้วจะเลิกเสพติดมือถือได้จริงๆ หรือ
อันนี้ คุณพี่ตอบไม่ได้ แต่ก็ถือเป็นนโยบายที่ดี …ดีกว่าปล่อยไปเฉยๆ