‘ก.ท่องเที่ยว’ ประเมินตลาดท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นทีเดียวสิ้นปี หวังหมดไวรัสจางกระตุ้นไทยเที่ยวก่อน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ไม่สามารถจัดการแข่งขันกีฬาต่างๆ ภายในสนามจริงได้ กระทรวงฯ จึงร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินโครงการแข่งขันอีสปอร์ตออนไลน์ เพื่อระดมเงินบริจาคให้สภากาชาดไทย ภายใต้ชื่อโครงการ แบกหมอสู้โควิด โดยกำหนดจัดการแข่งขันขึ้นระหว่างวันที่ 4 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2563 (รวม3 เดือน) ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น ซึ่งจะส่งเสริมให้คนไทยมีกิจกรรมออกกำลังกายอยู่บ้านอย่างปลอดภัย เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติตั้งแต่การสมัครเข้าแข่งขัน การทำการแข่งขัน การถ่ายทอดสดรวมถึงช่องทางในการบริจาค คาดว่าการดำเนินโครงการนำร่องนี้ จะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมกีฬาอีสปอร์ตในประเทศไทยเติบโตยิ่งขึ้น เพื่อสร้างนักกีฬาอาชีพในกีฬาประเภทใหม่ ที่สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้ ในส่วนของเกมส์ที่จะใช้จัดการแข่งขันในครั้งนี้ ประกอบด้วย 3 เกมส์ คือ ROV ,LoL และ Identity V ซึ่งมีบริษัท Garena Online (Thailand) และ Netease Games เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ โดยจะทำการแข่งขันบน Platform ของ omu.gg ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการแข่งขัน E-sports online อันดับต้น ของไทย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมบริจาคเงินให้แก่สภากาชาดไทยได้ตลอดระยะเวลาการจัดการแข่งขัน ในขณะที่มีการถ่ายทอดสด ซึ่งผู้บริจาคสามารถตรวจสอบยอดการบริจาคของตนเองได้แบบ Realtime

ในส่วนของสถานการณ์โควิด-19 ไทยถือว่ารับมือได้ดี โดยสามารถจัดระบบการดูแลสาธารณสุขได้อย่างเข้มงวดประชาชนมีวินัยและให้ความร่วมมือปฏบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้ไทยได้รับการชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ซึ่งหวังว่าหลังจากที่สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว กระทรวงฯ จะเร่งผลักดันการท่องเที่ยวภายในประเทศก่อน หลังจากนั้นจึงจะเริ่มกระตุ้นให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งต้องดูประกาศผลคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 28 เมษายนนี้ ว่าจะเป็นอย่างไร โดยได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) พิจารณาและประเมินในเรื่องดังกล่าวหลังจากมีการปลดล็อคมาตรการต่างๆ เรียบร้อยแล้วนายพิพัฒน์กล่าว

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในสถานการณ์ทึ่ไทยยังต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อใช้เป็นแหล่งรายได้และฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยหากสามารถควบคุมสถานการณ์ในประเทศได้แล้วความเสี่ยงที่จะเข้ามาก็มาจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ซึ่งเพื่อให้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา อาจมีการเลือกพื้นที่ปิด เพื่อให้สามารถดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติเหล่านั้นได้ ซึ่งจะทำให้ไม่มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกไปต่างพื้นที่หรือต่างประเทศ โดยจากนี้จะไปหารือกับหน่วยงานในพื้นที่ที่ประเมินว่าจะใช้เป็นพื้นที่ปิดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คือ ภูเก็ต และสมุย ซึ่งเบื้องต้นมองว่าคงยังไม่น่าจะทำได้เร็ว เพราะน่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2563 เป็นช่วงฤดูหนาว ทำให้นักท่องเที่ยวตลาดยุโรปไม่น่าจะท่องเที่ยวในกระเทศได้ เพราะอากาศจะหนาวทั่วประเทศ จึงน่าจะมีเดินทางกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยแทน แต่ต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ว่าจะมีคนอยากออกเดินทางหรือไม่ ทั้งนี้ยังต้องสอบถามคนในพื้นที่ด้วยว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ หรือจะทำอย่างไรต่อไป

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ ททท. ได้ดำเนินการอยู่ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ช่วยเหลือเยียวผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งรายที่มีความเปราะบาง หรือในรายที่แข็งแรงมากกว่า และนักท่องเที่ยวที่ติดค้างในไทย 2.การเตรียมความพร้อมในภาคการท่องเที่ยว ทั้งการซ่อมและสร้างแหล่งท่องเที่ยว รับมือกับรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลง ความปลอดภัยและสุขอนามัย รวมถึงการกระตุ้นตลาดให้กลับมาฟื้นคืน และ 3.การผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการในแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศไทย

Advertisement

ในเร็วๆ นี้ ททท.กำลังทำแผนฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวอยู่ โดยคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์ถัดจากนี้ จะเห็นความชัดเจนของแผนงานดังกล่าว ซึ่งจะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของคนทั้งประเทศ ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ และประชาชนหลังจากนั้นค่อยมาขับเคลื่อนแผนงานร่วมกัน แต่ขณะนี้ยังต้องรอความชัดเจนนโยบายของรัฐบาลก่อน ว่าจะสามารถเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยว หรือเริ่มจัดกิจกรรมในภาคการท่องเที่ยวได้หรือยัง ซึ่งตราบใดที่ยังเดินทางไม่ได้และรวมกลุ่มทำกิจกรรมได้ ภาคการท่องเที่ยวก็คงยังไม่สามารถขยับได้ แต่ก็ต้องเตรียมไว้ เพราะหวังว่าหากปลดล็อกมาตรการล็อกดาวน์แล้ว น่าจะเกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศก่อน แต่รูปแบบอาจเปลี่ยนแปลงไป อาทิ กลุ่มเล็กลง เดินทางระยะใกล้ขึ้น เดินทางผ่านรถส่วนตัว และเดินทางแบบครอบครัวมากขึ้น ส่วนระยะไกลอาจเดินทางแบบเท่าที่มีความจำเป็น หลังจากนั้นหวังว่าภายในเดินตุลาคม ตลาดต่างชาติน่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดในระยะใกล้ อาทิ จีนเอเชียตะวันออก ส่วนปลายปีคาดว่าจะเริ่มเห็นตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกากลับมามากขึ้นนายยุทธศักดิ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image