“บิ๊กต๊อก”ชี้ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ ม.44จับ“พระธัมมชโย” ลั่นถึงเวลาจำเป็นต้องใช้กม.เต็มที่

“บิ๊กต๊อก”ชี้ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ ม.44จับ“พระธัมมชโย” ชี้เมื่อถึงเวลาจำเป็นต้องใช้กม.เต็มที่

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 21 ก.ค. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกพระสงฆ์ 5 รูป มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 27/2559 ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีบทบาทในการบริหารและดูแลเรื่องเงินของวัดพระธรรมกาย ก่อนที่ในวันนี้พระสงฆ์ทั้ง 5 รูป จะขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำในวันดังกล่าว ว่า มันเป็นสิทธิการเลื่อนของเขาหรือไม่ หากเป็นสิทธิของเขาก็อย่าไปพะวงกับเรื่องพวกนี้ หากเลื่อนมากอีกก็ต้องออกหมายจับไป มันก็เป็นอย่างนี้ เพราะการเลื่อนนัดการเข้าให้ปากคำมันเป็นสิทธิของเขา ตนจึงไม่อยากให้สื่อไปมองเรื่องสิทธิของบุคคลที่สื่อหยิบมาประเด็น อะไรที่เป็นสิทธิตามกฎหมายก็ปล่อยให้เขาทำไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่เราดูพฤติกรรม ดูการให้ความร่วมมือที่จะอยู่ในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งตนมองตรงนั้นมากกว่า แต่ถ้าเป็นสิทธิก็ต้องให้เขาไป หากมีความจำเป็นก็ต้องให้เขาไป

ผู้สื่อข่าวถึงกรณีดร.มโน เลาหวณิช อดีตพระวัดพระธรรมกาย ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าดีเอสไอเหลือหนทางเดียวในการดำเนินการพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเพียงหนทางเดียวคือบุกเข้าจับกุมพระธัมมชโย หรือเสนอให้นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งใช้มาตรา 44 ในการดำเนินการ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพนักงานสอบสวนเขามีข้อมูลหรือองค์ประกอบครบถ้วนแล้วว่าเขาจะทำอะไร อย่างไร ที่ผ่านมา ก็มีหลายคนเสนอวิธีมา แต่บางคนก็อาจจะมีข้อมูลไม่ครบถ้วน เราต้องให้โอกาสกับเจ้าที่ที่รับผิดชอบได้ทำงานตามที่เขามีข้อมูลอยู่ อย่าไปกดดันเขา อย่างไรก็ตาม ตนก็เข้าใจทั้งฝ่ายที่เห็นและไม่เห็นด้วย ที่ต้องการให้ใช้มาตรการเด็ดขาดในการดำเนินการ ซึ่งตนก็บอกกับพนักงานสอบสวนเสมอไปว่าให้เขาประเมินสถานการณ์ไป อย่าทำอะไรแล้วให้เกิดการบานปลายขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่าจะไปขอหมายค้นเมื่อไหร่ แต่กำชับว่าต้องไม่ทำให้ทุกอย่างบานปลาย แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำก็ต้องทำ ไม่งั้นก็อยู่ไม่ได้ สังคมก็จะรับพวกเราไม่ได้ ดังนั้น ถึงเวลาที่ต้องทำก็ต้องทำ

เมื่อถามต่อว่า ดีเอสไอประเมินสถานการณ์แล้วหรือยัง ในการที่จะใช้หรือไม่ใช้มาตรา 44 หรือว่ายังใช้กฎหมายทำได้ตามปกติ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า การใช้กฎหมายปกติยังไม่ครบถ้วนเลย ซึ่งเราก็ยังสามารถออกหมายค้นได้อีกรอบ และเราก็ยังไม่ได้เข้าไปขอหมายค้นอีกรอบเลย ซึ่งเราทำเป็นขั้นๆไป โดยท้ายที่สุดแล้วมันไม่ได้จริงๆก็ค่อยว่ากันว่าจะใช้มาตรา 44 หรือไม่ ซึ่งตนมองว่ายังไม่ถึงจุดนั้นหรอก และยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มาตรา 44

Advertisement

ทั้งนี้ กำลังคอยทางสำนักงานพระพุทธศาสนา ซึ่งต้องรอคำตอบจากทางนี้ก่อน หากไม่ได้คำตอบจริงๆ ก็คงต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเต็มที่ ซึ่งตนเป็นคนสั่งการให้อธิบดีดีเอสไอทำหนังสือขอความร่วมมือไปถึงสำนักงานพระพุทธศาสนา เพราะเราก็ไม่เข้าใจว่าสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือมหาเถรสมาคม (มส.) จะมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับคนในปกครองมากน้อยขนาดไหน เพราะเราไม่ใช่ผู้ดูแลทางศาสนา ก็ 2-3 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรก้าวหน้าเท่าไหร่

เมื่อถามด้วยว่า จำเป็นจะต้องรอให้ครบ 3 เดือนก่อนหรือไม่ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเข้าพรรษาด้วย พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน มันเกี่ยวด้วยหรือ ถ้าพระทำผิดกฎหมายตอนเข้าพรรษาห้ามจับพระหรือไม่ ซึ่งมันคงไม่ใช่ ท่านก็ต้องคิดว่าหากพระเข้าพรรษาและไปกระทำผิดกฎหมาย ท่านคิดว่าเราจะต้องไปจับพระหรือไม่ ถ้าจับก็แสดงว่าน่าจะไม่ใช่ และกฎหมายก็คงไม่ได้ห้าม ทั้งนี้ ความล่าช้าในส่วนนี้สังคมคงรู้ว่าความล่าช้าที่เกิดขึ้นมันอยู่ตรงไหน เราก็พยายามทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image