การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ในวันพุธที่ 26 สิงหาคมนี้
มากด้วยความละเอียดอ่อน และมากด้วยความอ่อนไหว
เพราะจะมีการนำเอามติของคณะอนุกรรมาธิการที่แสดงความเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการซื้อเรือ
ดำน้ำของกองทัพเรือเข้าสู่การพิจารณา
“มติ” ของคณะกรรมาธิการจึง “สำคัญ”
ความสำคัญมิได้อยู่ที่ว่า เสียงในทางการเมืองของรัฐบาลมีความเหนือกว่าและทรงอำนาจมากเพียงใดเท่านั้น
หากยังขึ้นอยู่กับ “วิจารณญาณ” ของ “เสียงข้างมาก”
เพราะหากฝ่ายของรัฐบาลยังดึงดันและเห็นชอบกับมติอันมาจากคณะอนุกรรมาธิการอาจทำให้เกิดความรู้สึกในทางลบต่อรัฐบาลได้
ในแง่ที่มองได้ว่าเป็น “ทรราชย์” ของ “เสียงข้างมาก”
หากประเมินผ่านกระแสอันสะท้อนอารมณ์ในทางสังคมออกมาเด่นชัดอย่างยิ่งว่า ความโน้มเอียงก็คือต้องการให้ “ชะลอ” เรื่องนี้เอาไว้ก่อน
เห็นถึงความจำเป็น แต่ไม่ควรเป็น “ขณะนี้”
“น้ำเสียง” ในลักษณะนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อโลกและประเทศต้องประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาแล้ว
มองว่าความยากลำบากเฉพาะหน้าคืออะไร
ในตอนนั้นเกิดความเรียกร้องต้องการให้มีการเกลี่ยและโอนเงินงบประมาณ พ.ศ.2563 จากเรื่องที่มิได้เป็นความจำเป็นเฉพาะหน้า
เน้นไปในเรื่องการต่อสู้กับ “โควิด”
แม้ในปัจจุบันการแพร่ระบาดของไวรัสจะผ่อนคลายลง แต่สถานการณ์ในลักษณะ “อาฟเตอร์ช็อก”
ก็ยังดำรงอยู่โดยเฉพาะทางด้าน “เศรษฐกิจ”
จึงเห็นควรให้ “ชะลอ” แผนซื้อ “เรือดำน้ำ” ไปก่อน
เมื่อประเมินจากท่าทีของรัฐบาล ประเมินจากท่าทีของกองทัพเรือ เด่นชัดอย่างยิ่งว่าต้องการให้โครงการซื้อเรือดำน้ำเดินไปข้างหน้า
เดินไปโดยไม่สนใจต่อเสียงท้วงติง ห้ามปราม
ขณะเดียวกัน อารมณ์ในทางสังคมที่ปรากฏอย่างหนาแน่นในขณะนี้แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมี 50 กว่าเสียงในรัฐบาลก็เป็นห่วง
น่าเชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้แม้ใน “กรรมาธิการ”
การแสดงออกซึ่งจะกลายเป็น “มติ” จากที่ประชุมใหญ่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2564 จึงสำคัญ
สำคัญต่อแนวโน้มและอนาคตของประเทศ
ไม่ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร ไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไรไม่ว่าพรรคฝ่ายค้านจะตัดสินใจอย่างไร
นี่ย่อมชี้ถึงทิศทางใน “อนาคต” อย่างเป็นรูปธรรม
คําว่า “อนาคต” ในที่นี้มิได้หมายเฉพาะโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำในความรับผิดชอบของกองทัพเรือเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงอนาคตของ “รัฐบาล”
หมายถึงอนาคตของ “ประเทศ”
และจะทำให้สามารถคาดหมายต่อไปได้อีกว่า แนวโน้มของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จะออกมาอย่างไร
จริงใจหรือว่าเสมอเป็นเพียง “ไก่กา”