บทนำวันศุกร์ที่30กรกฎาคม2564 : ประชาชนก็อยากรู้

ในที่ประชุมหารือปัญหาการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สถานีกลางบางซื่อ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 กรกฎาคม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน มีรายงานข่าวระบุว่า เกิดการโต้เถียงกันเกิดขึ้นระหว่างตัวแทน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กับ กทม. เกี่ยวกับวัคซีนที่ สธ.จัดสรรให้ กทม. โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แจ้งที่ประชุมว่า กทม.ได้รับวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขเพียง 7 แสนโดสเท่านั้น ทำให้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า สธ.ได้ส่งมอบวัคซีนให้สำนักอนามัย สังกัด กทม. ในเดือนมิถุนายน 1 ล้านโดส และเดือนกรกฎาคม อีก 1.1 ล้านโดส ทำให้ พล.ต.อ.อัศวินตอบกลับไปว่า ที่ สธ.ส่งมา เป็นการส่งให้สำนักอนามัยและนำไปให้คนที่ลงทะเบียนหมอพร้อม ไม่ได้เป็นการจัดการของ กทม.

ข่าวระบุว่า นพ.โอภาสได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า เมื่อ สธ.ให้ไปแล้ว สำนักอนามัยจะนำไปส่งมอบให้ใครต่อ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือคนที่ลงทะเบียนตามระบบหมอพร้อม สธ.ไม่มีส่วนรู้เห็น เพราะถือเป็นเรื่องการบริหารจัดการของ กทม. และ กทม.ขอมาเท่าไหร่ สธ.ก็จัดสรรเท่านั้น ทำให้ พล.ต.อ.อัศวินถึงกับกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “คุณพูดให้เป็นลูกผู้ชายหน่อยสิ” จน พล.อ.ประยุทธ์ต้องกล่าวตัดบทว่า เราไม่ได้มาขัดแย้งกัน เราแค่อธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน

ปัญหาการจัดสรรวัคซีน มีการระบุก่อนหน้านี้ว่า กทม.มีตัวเลขวัคซีนค้างฉีดอยู่ถึง 1.3 ล้านโดส ซึ่งมากเกินไป เมื่อเทียบกับความต้องการรับวัคซีนของประชาชน ขณะที่ กทม.ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง การตอบโต้ ระหว่างผู้ว่าฯกทม.กับอธิบดีกรมควบคุมโรค จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า ข้อเท็จจริงคืออย่างไรกันแน่ และผลเสียตกอยู่กับประชาชนที่รอคอยวัคซีนเพื่อลดความเสี่ยงจากโควิด-19 นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รับผิดชอบ ศบค. นอกจากจะให้ 2 ฝ่ายเข้าใจตรงกัน ยังน่าจะนำข้อเท็จจริงมาตีแผ่ต่อประชาชนว่าเกิดอะไรขึ้นกันกับการบริหารวัคซีน การที่รัฐบาลใช้โครงสร้าง ศบค.เพื่อให้หลายหน่วยงานมาทำงานอย่างเป็นเอกภาพ น่าจะทำให้เกิดความคล่องตัวเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่ผลที่เกิดขึ้น กลับตรงกันข้ามหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image