แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คืนฟอร์มเก่งหลังจากประสบกับความปราชัย 3 นัดติดต่อกัน เปิดสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ถล่มเลสเตอร์ ซิตี้ 4-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 24 กันยายน
เกมนี้ โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือปีศาจแดง ตัดสินใจปรับเปลี่ยนทีม จับเวย์น รูนี่ย์ กัปตันทีม และมารูยาน เฟลไลนี่ กองกลางชาวเบลเยียม เป็นตัวสำรอง และให้ฆวน มาต้า เป็นกองกลางตัวทำเกม โดยมีมาร์คัส แรชฟอร์ด และเจสซี่ ลินการ์ด สองกองหน้าดาวรุ่งยืนฝั่งซ้าย-ขวาช่วยซลาตัน อิบราฮิโมวิช ในแนวรุก ขณะที่ตรงกลางเป็นปอล ป๊อกบา ยืนคู่กับอันแดร์ เอร์เรร่า ส่วนแผงกองหลัง มีคริส สมอลลิ่ง ซึ่งสวมปลอกแขนกัปตันทีม กับเอริค ไบญี่ ยืนเป็นคู่กลาง โยกดาลีย์ บลินด์ ไปยืนแบ๊กซ้าย และอันโตนิโอ วาเลนเซีย เป็นแบ๊กขวา
ปรากฏว่า เจ้าถิ่นอาศัยการต่อบอลบนพื้นไปรอบๆ สนาม สามารถเจาะแนวรุกของแชมป์เก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นาทีที่ 22 แมนฯยูได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะเตะมุม เมื่อบลินด์เปิดลูกเตะมุมให้สมอลลิ่งโหม่งเข้าประตูไป
จากนั้นช่วงปลายครึ่งแรก ปีศาจแดงก็มาได้ 3 ประตูติดๆ กันในระยะเวลา 5 นาที เริ่มจากการต่อบอลสวยงามก่อนมาจบที่มาต้าในจังหวะสุดท้าย นาทีที่ 37 จากนั้นอีก 3 นาที แมนฯยูอาศัยการเล่นเร็วในจังหวะเตะมุม บลินด์เปิดให้มาต้าที่ตวัดบอลเข้ากลาง และแรชฟอร์ดพุ่งชาร์จระยะเผาขนเข้าไป ก่อนจะนำห่างถึง 4-0 จากจังหวะเตะมุมอีกครั้ง คราวนี้เป็นป๊อกบาที่โหม่งเข้าประตูไป เป็นการปลอดล็อกประตูแรกของแข้งชาวฝรั่งเศสตั้งแต่ย้ายทีมมา
ครึ่งหลัง เลสเตอร์เปลี่ยนเจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ กับริยาด มาห์เรซ กองกลางชาวแอลจีเรียออกไปพัก แต่ทีมสุนัขจิ้งจอกก็ตีไข่แตกได้จากเดมาราย เกรย์ ดาวรุ่งวัย 20 ปี ในนาทีที่ 59 หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างทำอะไรกันไม่ได้ จบเกมแมนฯยูชนะ 4-1
ผลจากชัยชนะนัดนี้ทำให้ปีศาจแดงมี 12 คะแนน จาก 6 นัด ส่วนเลสเตอร์ยังมี 7 แต้มเท่าเดิม