น้ำมันรำข้าวคิง จัดแคมเปญ ‘รู้จริง เลือกคิง’ ปี2 รุกตลาดน้ำมันเพื่อสุขภาพเกรดพรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่อง ชูผลิตภัณฑ์ น้ำมันรำข้าวคิง ชนิดโอรีซานอล 8,000 ppm ที่ปรับเพิ่มปริมาณโอรีซานอลแต่ไม่เพิ่มราคาเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจในสุขภาพ โดยใช้คอนเซปต์ ห้องคิง ห้องของคนรู้จริง เชิญชวนคนรักสุขภาพร่วมเรียนรู้คุณประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวคิง ในเฟซบุ๊ก King Health Society ที่ปรับโหมดเป็นห้องแห่งการเรียนรู้ที่พิสูจน์ได้จริงบนโลกออนไลน์ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจในผลิตภัณฑ์และเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์อย่างเป็นรูปธรรม
โดยสื่อสารประเด็นหลักของแคมเปญผ่าน 3 ซีรีส์คลิป นำทีมโดย คุณโอปอล์ – ปาณิสรา อารยะสกุล ในมาดหัวหน้า “ห้องคิง” ร่วมพูดคุยสาระอย่างออกรสกับ 3 ผู้รู้จริง เริ่มจาก ครูลูกกอล์ฟ – คณาธิป สุนทรรักษ์ ผู้รู้จริงด้านภาษาอังกฤษสุดฮอตแห่งยุค ที่อินกับการดูแลสุขภาพไม่แพ้ใคร อาจารย์นุ่น -ผศ.ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้รู้จริงที่พร้อมไขข้อสงสัยและเผยข้อมูลวิจัยยืนยันคุณประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวอย่างเด่นชัด ปิดท้ายด้วยคุณแม่ผู้รู้จริงในการทำอาหารสำหรับลูกๆ เจ้าของเพจ Little Monster ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน คุณตุ๊ก – นิรัตน์ชญา การุณวงศ์วัฒน์ ควงคู่มากับ น้องจิน ลูกสาวคนเก่ง จะมาช่วยคอนเฟิร์มจุดเด่นของน้ำมันรำข้าวคิง ตัวช่วยเสริมคุณค่าทางโภชนาการและใช้ทำได้ทุกเมนูโปรด โดยวางแผนใช้งบประมาณสื่อสารการตลาด 30 ล้านบาท โปรโมทแคมเปญนี้ผ่านสื่อออฟไลน์ สื่อออนไลน์ และจัดกิจกรรมออนกราวด์อย่างเต็มรูปแบบ หวังผลักดันยอดขายน้ำมันรำข้าวคิงเกรดพรีเมี่ยมให้เติบโตกว่า 20% ในปีนี้
นายประวิทย์ สันติวัฒนา กรรมการบริหาร กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง เปิดเผยว่า “แคมเปญ รู้จริง เลือกคิง ปี2 เป็นกิจกรรมการตลาดที่เราคาดว่าจะช่วยขยายตลาดและเพิ่มยอดขายให้น้ำมันรำข้าวคิงเกรดพรีเมี่ยมได้ไม่น้อยกว่า 20% ซึ่งเป็นแคมเปญต่อเนื่องจากปีแรกที่เปิดประเด็นให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องการเลือกน้ำมันประกอบอาหารอย่างผู้รู้จริง และตระหนักถึงความสำคัญในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวสารที่เกี่ยวกับสุขภาพซึ่งเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะปักใจเชื่อหรือแชร์ต่อ มาถึงแคมเปญ “รู้จริง เลือกคิง”ปี2 เราก็ต่อยอดจากแนวคิดผู้รู้จริง ขยายมาเป็น ห้องคิง ห้องของคนรู้จริง ซึ่งเราเปิดพื้นที่เฟซบุ๊ก King Health Society ให้คนรักสุขภาพได้มาเป็น ‘สมาชิกห้องคิง’ เพื่อร่วมเรียนรู้ แลกเปลี่ยนข้อมูลหรือความคิดเห็นเกี่ยวกับน้ำมันรำข้าวคิงและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างเต็มที่ เพราะเรามั่นใจว่าสิ่งที่เรานำเสนอนั้นเป็นเรื่องจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยผลวิเคราะห์และงานวิจัยจากสถาบันต่างๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เรานำเสนอในแคมเปญนี้ คือ น้ำมันรำข้าวคิง ชนิดโอรีซานอล 8,000 ppm ที่ปรับเพิ่มปริมาณโอรีซานอลสูงขึ้นแต่จำหน่ายในราคาเดิม ทั้งยังผลิตจากรำข้าวไทย 100 % จึงมั่นใจได้ว่าปลอด GMOs
รวมทั้งเป็นการสนับสนุนผลผลิตจากชาวนาไทย แตกต่างจากผู้ประกอบการบางรายที่นำเข้าน้ำมันรำข้าวจากต่างประเทศมาบรรจุขวดจำหน่าย ดังนั้น เราจึงอยากให้ผู้บริโภคมั่นใจว่า ‘คิง’ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ผลิตน้ำมันรำข้าวแต่เพียงอย่างเดียวมากว่า 40 ปี จะนำเสนอแต่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณประโยชน์ต่อผู้บริโภค ภายใต้ระบบการผลิตที่มีมาตรฐานและมีความปลอดภัยสูงอย่างแท้จริงเท่านั้น”
นายประวิทย์ กล่าวต่อไปว่า “ความน่าสนใจของแคมเปญปีนี้ อยู่ที่การนำเสนอข้อมูลน้ำมันรำข้าวคิงในบรรยากาศของห้องคิงที่สนุกสนาน โดยพรีเซนเตอร์ของเรา คุณโอปอล์ นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง จะมารับบทหัวหน้าห้องคิง ที่เชิญ 3 ผู้รู้จริงมาแชร์ความรู้และประสบการณ์ต่างสไตล์ในรูปแบบ ซีรีส์คลิป จำนวน 3 เรื่อง เริ่มด้วยคลิปแรก รู้จริง มั่นใจ กล้าพูดได้เต็มปาก โดยคุณโอปอล์ และครูลูกกอล์ฟ ที่จะมาสร้างสีสันให้กับสาระดีๆ ให้ผู้ชมเข้าใจ และจดจำคุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันรำข้าวคิงได้โดยง่าย
ตามด้วยคลิป รู้ลึก รู้จริง พิสูจน์ได้จริง โดยคุณโอปอล์ เชิญ อาจารย์นุ่น มาร่วมเจาะลึกเรื่องคุณประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวแบบเข้มข้น โดยมีงานวิจัยสนับสนุนในทุกประเด็น
และสุดท้ายกับคลิป รู้จริง ใช้จริง พิสูจน์ได้ โดยคุณโอปอล์ และแม่ตุ๊ก กับ น้องจิน ลูกสาววัยน่ารัก จะมาร่วมแชร์ประสบการณ์การใช้น้ำมันรำข้าวคิงปรุงเมนูต่างๆ ให้อร่อยถูกใจเด็กๆ และยังช่วยเสริมคุณค่าสารอาหาร อย่างที่คุณแม่ต้องการ โดยเราหวังว่าหลังจากที่ผู้บริโภคได้รับทราบข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จากผู้รู้จริงในห้องคิงของเราแล้ว จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกน้ำมันประกอบอาหารสำหรับครอบครัวเป็นเรื่องง่ายขึ้น ซึ่งน้ำมันรำข้าวคิงเอง นับว่าเป็นหนึ่งในน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ ด้วยมีสารอาหารธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการหลายชนิดและมีในปริมาณมาก นอกจากนั้น ยังมีคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ได้แก่ มีจุดเกิดควันสูง จึงทนความร้อนได้ดี ทำให้สามารถใช้ประกอบอาหารได้ทุกเมนู เช่น ทอด ผัด หมัก ย่าง หรือทำน้ำสลัด รวมทั้งยังเป็นน้ำมันที่มีรสชาติเป็นกลางและไม่มีกลิ่น เมื่อนำไปปรุงประกอบอาหารจะทำให้เราได้รับรู้รสชาติแท้ๆและกลิ่นหอมๆของส่วนผสมหลักอย่างชัดเจน ที่สำคัญยังได้รับตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” ซึ่งหมายถึง เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วยครับ”
“การสื่อสารแคมเปญ ‘รู้จริง เลือกคิง’ ปี2 นี้ เราตั้งงบประมาณไว้ 30 ล้านบาท จัดสรรครบทั้งสื่อออฟไลน์ สื่อออนไลน์ และกิจกรรมออนกราวด์ ซึ่งได้แก่ TVC, Series Clip, YouTube Bumper Ad., Facebook Carousel Ad., Advertorial, Bus Wrap และอื่นๆ รวมทั้งจะเดินสายจัดโรดโชว์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องคุณประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวคิง ควบคู่ไปกับการรณรงค์ให้ผู้บริโภคค้นหาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องราวที่เกี่ยวกับสุขภาพอย่างผู้รู้จริง สำหรับผู้รักสุขภาพที่อยากจะติดตามความเคลื่อนไหวของแคมเปญ รวมถึงร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่องน้ำมันเพื่อสุขภาพและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถร่วมเป็นสมาชิกห้องคิงกับเราได้ที่ เฟซบุ๊ก King Health Society นะครับ” นายประวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย
น้ำมันรำข้าวคิง ดีจริงครบ 10 ประการ
น้ำมันรำข้าวคิง โอรีซานอล 8,000 พีพีเอ็ม ให้คุณค่าและคุณประโยชน์ 10 ประการ ดังนี้
- มีโอรีซานอลมากกว่า 8,000 ppm
โอรีซานอล เป็นสารธรรมชาติ โดยมีที่มาจากคำว่า โอรีซา ซาทิวา (Oryza Sativa) ซึ่งแปลว่า “ข้าว” เพราะโอรีซานอล พบมากในผิวของเมล็ดข้าวกล้อง หรือที่เรียกว่า รำข้าวนั่นเอง จึงพบโอรีซานอลในน้ำมันรำข้าวเท่านั้นไม่พบในน้ำมันประกอบอาหารชนิดอื่น โอรีซานอลมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพราะมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินอี ถึง 6 เท่า และจากการวิจัยพบว่าโอรีซานอลยังสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C) ส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด และลดการสังเคราะห์คอเลสเตอรอลในตับ นอกจากนั้นยังช่วยปรับสมดุลของระบบฮอร์โมนในสตรีวัยทอง ลดอาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) อีกด้วย
- มีไฟโตสเตอรอลมากกว่า 18,000 ppm
ไฟโตสเตอรอล เป็นสารธรรมชาติที่พบเฉพาะในพืช มีลักษณะโครงสร้างทางเคมีใกล้เคียงกับคอเลสเตอรอล จึงทำให้ไฟโตสเตอรอลช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ โดยเมื่อเข้าสู่ร่างกายไฟโตสเตอรอลจะไปแย่งพื้นที่การเกาะตัวของคอเลสเตอรอลในไมเซลล์ (Micelle) ของลำไส้เล็ก จึงทำให้ร่างกายดูดซึมคอเลสเตอรอลได้น้อยลงนั่นเอง โดยมีงานวิจัยกล่าวถึงประโยชน์ของไฟโตสเตอรอลเกี่ยวกับการนำไปใช้บำบัดผู้ป่วยที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูงโดยทำให้ระดับคอเลสเตอรอลรวม และคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C) ในร่างกายลดลง โดยไม่มีผลกระทบต่อระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL-C) ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์เนื้องอกและเซลล์มะเร็ง ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งต่อมลูกหมากได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าไฟโตสเตอรอล มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชั่น (Antioxidant) ของน้ำมัน เมื่อมีการให้ความร้อนได้เหมือนกับโอรีซานอลและวิตามินอีด้วย
- มีวิตามินอีถึง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มโทโคฟีรอลและกลุ่มโทโคไตรอีนอล
ปกติในน้ำมันประกอบอาหารทั่วไปจะมีกลุ่มโทโคฟีรอลเท่านั้น ส่วนกลุ่มโทโคไตรอีนอลจะมีเฉพาะในน้ำมันประกอบอาหารบางชนิดเท่านั้น โดยกลุ่มโทโคไตรอีนอล มีคุณสมบัติในการช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่า กลุ่มโทโคฟีรอล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็งและยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดอีกด้วย ซึ่งในน้ำมันรำข้าวคิงมีปริมาณกลุ่มโทโคฟีรอล 186 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และมีกลุ่มโทโคไตรอีนอลสูงถึง 416 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งนับว่ามีปริมาณวิตามินอีรวมสูง ดังนั้น น้ำมันรำข้าวคิงจึงมีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดีและ ยังสามารถช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย
4. มีสัดส่วนของกรดไขมันที่เหมาะสมต่อการบริโภค
น้ำมันรำข้าวคิง มีสัดส่วนของกรดไขมันที่ผ่านเกณฑ์การตรวจวิเคราะห์ของโครงการ “อาหารไทย หัวใจดี” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” โดยมีสัดส่วนของกรดไขมันอิ่มตัว (SFA) ต่อกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (MUFA) เท่ากับ 1 : 1.8 และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (PUFA) น้อยกว่ากรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (MUFA)
- มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง (High Monounsaturated Fatty Acid)
คุณสมบัติที่ดีของกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว ก็คือสามารถลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C) ได้ จึงมีส่วนช่วยลดการอุดตันของผนังหลอดเลือดแดง ยังสามารถช่วยเพิ่มหรือคงระดับคอเลสเตอรอลตัวดี (HDL-C) ได้อีกด้วย
6. ค่ากรดไขมันทรานส์ เท่ากับ 0 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
จึงปลอดภัยต่อการบริโภค เพราะกรดไขมันทรานส์ เป็นกรดไขมันอันตรายที่ไปเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C) และลดคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL-C) ซึ่งกรดไขมันทรานส์ นับเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและ หลอดเลือด
7. มีจุดเกิดควันสูง (High Smoke Point)
ในการใช้น้ำมันประกอบอาหารทำอาหารทอด หรือผัด เมื่อใช้ไฟร้อนถึงระดับหนึ่งจะเกิดควันขึ้นมา ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยมีการวิจัยที่ประเทศไต้หวัน พบว่า ควันจากน้ำมัน มีสารประกอบในกลุ่ม Polycyclic Aromatic Hydrocarbons (PAHs) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogens) ที่ทำให้หญิงชาวไต้หวันที่ประกอบอาหารในบ้านป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จึงควรเลือกใช้น้ำมันประกอบอาหารที่มีจุดเกิดควันสูง เพราะสามารถทนต่อความร้อนได้ดี อย่างเช่น น้ำมันรำข้าวคิง ที่มีจุดเกิดควันสูงถึง 254 °C ซึ่งนอกจากจะเหมาะกับการใช้ทอดแล้ว ยังสามารถใช้น้ำมันรำข้าวคิงทำอาหารได้ทุกเมนู โดยไม่ต้องแยกน้ำมันให้ยุ่งยากอีกต่อไป
8. ไม่มีกลิ่น และรสชาติเป็นกลาง
จึงช่วยให้ได้กลิ่นและรสชาติแท้ๆของเครื่องปรุงและส่วนผสมหลักอย่างเด่นชัด เพิ่มความหอมอร่อยให้กับทุกเมนู
9. ไม่ใส่สารกันหืนสังเคราะห์
โดยทั่วไปสารกันหืนสังเคราะห์ เช่น BHA BHT และ TBHQ จะถูกเติมในน้ำมันประกอบอาหาร เพื่อป้องกัน การออกซิเดชั่นที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นหืน แต่สารเหล่านี้อาจมีผลต่อเซลล์ในร่างกายโดยเฉพาะสาร BHT มีคุณสมบัติเป็นตัวเสริมในการเกิดเนื้องอก และยังพบว่าทั้ง BHA และ BHT ต่างเป็นสารที่ส่งเสริมกระบวนการเกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะหากสะสมในปริมาณมาก แต่ในน้ำมันรำข้าวคิงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีในปริมาณมากได้แก่ โอรีซานอล ไฟโตสเตอรอล และวิตามินอี ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการออกซิเดชั่นโดยธรรมชาติ สามารถทนการเกิดหืนได้ดี น้ำมันรำข้าวคิงจึงไม่ต้องใส่สารกันหืนสังเคราะห์
10. ผลิตจากข้าวไทยที่ปลอดจากการดัดแปลงทางพันธุกรรม หรือปลอด GMOs
ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้การรับรองว่าข้าวไทยปลอดจากการดัดแปลงทางพันธุกรรม จึงมั่นใจได้ว่ารำข้าวที่นำมาทำน้ำมันรำข้าวคิงปลอดภัยจาก GMOs ด้วยเช่นกัน
ตราสัญลักษณ์บนฉลากผลิตภัณฑ์ที่อยากแนะนำให้ผู้บริโภครู้จัก
- ตราสัญลักษณ์ : “อาหารรักษ์หัวใจ”
คำอธิบาย: น้ำมันรำข้าวคิง ได้รับตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” หมายถึง เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
ที่มา: น้ำมันรำข้าวคิง เป็นน้ำมันพืชรายแรกที่ได้รับประกาศนียบัตรรับรองว่าเป็น “ผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด” จากโครงการ “อาหารไทย หัวใจดี” จัดโดยมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2547 โดยได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” บนฉลากผลิตภัณฑ์ โดยตราสัญลักษณ์นี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อหัวใจของตัวเองได้ง่ายขึ้น เนื่องจากอาหารเป็นส่วนหนึ่งในปัจจัยที่ให้เกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด ซึ่งเป็นที่มาของการเสียชีวิตและเป็นอัมพาตของคนไทยจำนวนมาก
- ตราสัญลักษณ์ : “King Produced from THAI RICE BRAN 100% คิง ผลิตจากรำข้าวไทย มั่นใจเต็มร้อย”
คำอธิบาย: น้ำมันรำข้าวคิง ผลิตจาก “รำข้าวไทย 100%” ด้วยความเชื่อมั่นในคุณค่าของรำข้าวไทยและสนับสนุนผลผลิตจากชาวนาไทย ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง
ที่มา: ปัจจุบันตลาดของน้ำมันเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะตลาดน้ำมันรำข้าวมีการแข่งขันที่สูงขึ้น แม้ว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นผู้ผลิต“ข้าว”เป็นอันดับต้นๆของโลก แต่ก็มีผู้ผลิตน้ำมันรำข้าวจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดทั้งในไทยและตลาดโลกมากขึ้นในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าวัตถุดิบอย่างรำข้าวจากต่างประเทศ หรือการน้ำมันรำข้าวจากต่างประเทศเข้ามาบรรจุขวดจำหน่าย อย่างไรก็ตาม น้ำมันรำข้าวคิง ยังคงใช้รำข้าวไทย 100% เป็นวัตถุดิบต้นน้ำ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ทุกตัว ด้วยความเชื่อมั่นในคุณค่าของข้าวไทยและมั่นใจเรื่องปลอด GMOs รวมทั้งเป็นการสนับสนุนผลผลิตของชาวนาไทย และมีส่วนช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง จากการจำหน่ายน้ำมันรำข้าวไปยังตลาดต่างประเทศกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ทั้งในกลุ่ม CLMV เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลาง เป็นต้น สำหรับตลาดน้ำมันรำข้าวในประเทศ ล่าสุดได้มีการปรับเพิ่มปริมาณโอรีซานอล ในน้ำมันรำข้าวคิง เกรดมาตรฐานเป็น 4,000 ppm และเกรดพรีเมี่ยมเป็น 8,000 ppm โดยไม่เพิ่มราคา พร้อมแสดงโลโก้ผลิตจากข้าวไทย 100% บนฉลากผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าวคิงทุกขวด เพื่อตอกย้ำความมั่นใจแก่ผู้บริโภค