รัฐธรรมนูญ 2540 เป็นผลสืบเนื่องมาจากการใช้ความรุนแรงของกองทัพในเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ 35”
“พฤษภาทมิฬ” เป็นแรงผลักให้ภาคประชาชนเห็นภัยจากกลุ่มคนที่มีการจัดตั้ง มีระเบียบวินัย และมีอาวุธครบมือ
รัฐธรรมนูญ 2540 จึงประสงค์ “จะสร้าง” 3 สิ่ง
1.คือความเข้มแข็งให้พรรคการเมืองเติบโต เข้มแข็ง ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีนายกรัฐมนตรีที่มีภาวะผู้นำสูง 2.ขยายสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชนให้กว้างขวาง และ 3.เพิ่มการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพื่อการถ่วงดุลและสร้างสังคมสุจริต
ผลคือ ได้พรรคการเมืองใหญ่ 2 ขั้ว
สายหนึ่ง “แนวอนุรักษ์” กับอีกสาย “แนวเสรีนิยม”
จากปี 2540 มาเกือบ 1 ทศวรรษ “พรรคสายอนุรักษนิยม” พ่ายแพ้เลือกตั้งตลอด
ประเมินกันว่า อีก 10-20 ปีข้างหน้า พรรคการเมือง “แนวอนุรักษ์” จะโงหัวไม่ขึ้น ด้วยเหตุปัจจัยจาก “ข้อจำกัด” ทางความคิดที่ไม่สามารถผลิตนโยบายตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้
เสียงส่วนใหญ่จึงเทให้กับพรรคการเมืองขั้ว “เสรีนิยม” อย่างถล่มทลาย
แต่แล้ว…พรรคการเมืองแนวอนุรักษนิยมกับกองทัพก็เดินไปเจอกันที่ “จุดบรรจบ”
รัฐธรรมนูญ 2540 พบจุดจบ !
รัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เปลี่ยนแนวคิดและทิศทางใหม่หมด !
หลังควันรัฐประหารจางลง การเลือกตั้งถูกจัดขึ้นภายใต้ “กติกาใหม่” เรียกว่า รัฐธรรมนูญ 2550
“ทหารกลุ่มหนึ่ง” มีบทเรียนจาก “พฤษภาทมิฬ” จึงไม่จัดตั้ง “พรรคทหาร”
แต่ใช้พรรคการเมืองแนวอนุรักษ์เป็น “แนวร่วม”
กระทั่งการเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ 2550 จบลงด้วยการพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่าของพรรคแนวอนุรักษนิยม
กลยุทธ์ทางการเมืองนับจากนั้นของ “พรรคสายอนุรักษนิยม” จึงเปลี่ยนไป
จาก “สภา” สู่ “ถนน” !
จาก “เสียงข้างมาก” สู่ “เสียงจากค่ายทหาร” !
เมื่อมีการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2554 พรรคการเมืองแนวเสรีนิยมยังคงได้เสียงท่วมท้น
“ทหารกลุ่มหนึ่ง” สิ้นหวัง
22 พฤษภาคม 2557 รัฐประหารอีกครั้ง พร้อมกับเขียนกติกาใหม่ เรียกว่า “รัฐธรรมนูญ 60”
คราวนี้ ไม่พึ่งพาพรรคการเมือง “แนวอนุรักษนิยม” ที่เคยเป็น “แนวร่วม” กันอีกแล้ว
แต่ใช้ยุทธวิธี “ดูด” กับ “ดับ” คือ ดึงเอาตัวนักการเมืองที่มีฐานเสียงแน่นมารวมตัวกันใน “พรรคการเมืองใหม่”
พรรคเพื่อนพ้องแนวร่วมถูกสายทหารบดขยี้จนแทบสูญพันธุ์
แต่ก็ยังมีอีกหลายคน ที่อยากซบ “พลังประชารัฐ” !?!!