เรื่องสายส่งไฟฟ้า กลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกพลังงานด้วยเช่นกัน หลายท่านคงจะนึกถึงเรื่อง Smart Grid หรือ สายส่งไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรองรับการส่งไฟฟ้าแบบสองทางได้ กล่าวคือ สามารถรองรับการส่งไฟฟ้าสวนกลับจากผู้ใช้ปลายทางที่มีระบบผลิตไฟฟ้าเป็นของตัวเองด้วย ย้อนกลับไปให้ผู้ใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ได้ แตกต่างจากระบบสายส่งไฟฟ้าในอดีตที่สามารถจัดการการจราจรของอิเล็กตรอนไฟฟ้าได้ทางเดียว คือ ส่งจากโรงไฟฟ้าไปสู่ผู้ใช้ แต่กระนั้นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกพลังงานด้านสายส่งไฟฟ้าก็มิได้มีเพียงแค่เรื่อง Smart Grid ยังมีอีกวิวัฒนาการหนึ่งซึ่งถือเป็นปาฏิหาริย์ของความเฉลียวฉลาดของคนจีน
เทคโนโลยีสายส่งไฟฟ้าแบบใหม่ล่าสุดที่ทางจีนทุ่มทุนพัฒนา คือ เทคโนโลยี Ultra High Voltage ที่มีความสามารถพิเศษในการส่งพลังงานไฟฟ้าปริมาณมากๆ ได้ในระยะทางไกลๆ โดยไม่เกิดความสูญเสียมากเกินไป สามารถทนทานความร้อนที่เกิดขึ้น และสามารถจัดการกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากการส่งไฟฟ้าปริมาณมากๆ นี้ได้ ที่สำคัญคือ จีนเป็นชาติเดียวที่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ ในขณะที่ประเทศค่ายตะวันตกอื่นดูเหมือนจะไม่สนใจเลย
เทคโนโลยีสายส่งไฟฟ้าในปัจจุบันที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น ABB และ Siemen ของยุโรปเป็นเจ้าเทคโนโลยีครองตลาดอยู่ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเชิงปริมาณว่าสามารถส่งปริมาณไฟฟ้าได้ด้วยแรงดันต่ำแค่ 500 kV สำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) และ 800 kV สำหรับส่งไฟฟ้ากระแสตรง (DC) (ในประเทศไทยของเรามีสายส่ง 500 kV (AC) ซึ่งอยู่ประมาณ 5 สาย ซึ่งรวมถึงสายที่เชื่อมโยงกับเขื่อนต่างๆ จากประเทศเพื่อนบ้านด้วย ส่วนในระบบไฟฟ้ากระแสตรงเรามีจุดเชื่อม HVDC ประมาณ 300 kV กับประเทศมาเลเซียที่ จ.สตูล เป็นต้น)
แต่สำหรับเทคโนโลยีของจีนในการพัฒนา Ultra-High Voltage Grid จะสามารถส่งผ่านปริมาณไฟฟ้าได้มากกว่า 1,000 kV ทั้งในระบบ AC และ DC โดยปัจจุบันเจ้าของเทคโนโลยี คือ รัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าจีนที่ซื้อ State Grid (ประเทศจีนได้ปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าไปตั้งแต่ปี 2545 ที่ยกเลิกกิจการผูกขาดของการไฟฟ้าจีน (State Power Corporation) แบ่งเป็นบริษัทสายส่งขนาดใหญ่ 2 บริษัท คือ State Grid และ China Southern Grid ในขณะที่การผลิตไฟฟ้าก็แตกออกเป็น บริษัทผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่อีก 9 บริษัท ซึ่งรวมถึงบริษัทผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และเขื่อนขนาดใหญ่ต่างๆ ด้วย) ซึ่ง State Grid มีความมุ่งมั่นมากที่จะต้องสร้างสรรค์ระบบส่งไฟฟ้าแบบ Ultra High Voltage นี้ให้จงได้ ส่วนหนึ่งเพราะว่าประเทศจีนมีศักยภาพด้านพลังงานทดแทน (Yes…Renewable Energy) ทั้ง ลม น้ำ และแสงอาทิตย์ (มีเป็นแสนๆ เมกะวัตต์ นะครับ)
แต่ศักยภาพเหล่านี้อยู่ทางภาคตะวันตกอยู่ห่างไกลเป็นหมื่นๆ กิโล จากศูนย์กลางการใช้ไฟฟ้าที่อยู่ตามขอบประเทศในทิศตะวันออก เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางเจา ทำให้การทุ่มทุนสร้างนวัตกรรมสายส่งไฟฟ้าแบบ Ultra High Voltage นี้ของจีน ได้ประโยชน์ 3 เด้ง คือ
1.ปลดแอกและเป็นอิสระจากการถูกผูกขาดเทคโนโลยีแบบเดิมจากประเทศชาติตะวันตก
2.นำศักยภาพพลังงานทดแทนต้นทุนต่ำมาสู่ตลาดได้
3.ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ปัจจุบันจีนมีเครือข่าย Ultra-High Voltage Grid อยู่ 21 สาย ระยะทางรวมเกือบ 50,000 กม. และสามารถทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนจำนวนมากกว่า 150,000 MW นำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ในขณะที่ State Grid ทุ่มทุนสร้างเรื่อง Ultra-High Voltage ทางบริษัท China Southern Grid กลับจับมือกับ Huawei พัฒนาระบบ Micro Smart Grid ร่วมๆ 1,500 โครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 13,000 MW กระจายตัวอยู่ทั้งจีนตอนใต้ โดยหวังว่าระบบ 4.5G และ 5G ของ Huawei จะเข้ามาช่วยสร้างอีกปาฏิหาริย์หนึ่ง ด้านสายส่งพลังงานไฟฟ้าธรรมดาๆ กลายเป็น Power Telecom Company หรือบริษัทด้านไฟฟ้าและการสื่อสารได้ในอนาคต
เกิดปาฏิหาริย์ในจีนแล้วได้แต่หวังว่าในประเทศไทย 3 การไฟฟ้า คงต้องเริ่มสร้างการเปลี่ยนแปลงได้แล้วครับ มิฉะนั้นงานนี้การไฟฟ้าถูกกลืนแน่นอน…