นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO เปิดเผยรายได้บริษัทในปี 2562 ว่า มีรายได้รวม 694 ล้านบาท เติบโตจากรายได้รวมปี 2561 อยู่ที่ 664 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 43% และรายได้จากการส่งออ 57% โดยรายได้รวมถือว่าเติบโตสวนทางอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่ถดถอยลงตามจำนวนการผลิตรถยนต์และยอดจำหน่ายรถใหม่ในประเทศที่ลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบธุรกิจของ PACO กับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบ OEM (รับจ้างผลิต) ซึ่งอาจมีรายได้สูงกว่า แต่อาจได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมยานยนต์ซบเซาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้ว ธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต ของ PACO จะเติบโตแบบมั่นคงในอัตราที่ไม่สูงมากคือ 5-10% ต่อปี แต่ข้อดีคือเราไม่ได้ผลกระทบจากปริมาณการผลิตรถใหม่ที่ลดลง ในทางตรงข้ามการที่ผู้บริโภคซื้อรถใหม่น้อยลง จะเพิ่มโอกาสการซื้ออะไหล่ทดแทนของทางบริษัทฯ
นายธเนศ เลิศขจรกิตติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ตลาดอาฟเตอร์มาร์เก็ต หรืออะไหล่ทดแทน ของ PACO เป็นตลาดที่มีเสถียรภาพสูง เนื่องจากรถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวประมาณ 15-20 ปี และผู้ใช้รถอายุเกิน 5 ปีค่อนข้างนิยมสินค้าทดแทน ที่มีคุณภาพทัดเทียม เนื่องจากมีความคุ้มค่าสูง ดังนั้นรายได้ของบริษัทฯจึงไม่ได้รับผลกระทบจากจำนวนการผลิตรถยนต์ที่ลดลงแต่อย่างใด สำหรับแผนการขยายธุรกิจในปีนี้ PACO ใช้กลยุทธ์การสร้างเครือข่าย ร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub เพื่อสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศและเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า และสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์แบรนด์ของคนไทย
นายธเนศ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมาย จะมีร้าน PACO Auto Hub จำนวน 200 สาขาภายในปีหน้า จากปัจจุบันได้เปิดไปแล้วกว่า 90 สาขา ในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล โดยในร้านจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คอยล์ร้อนและคอยล์เย็นแบรนด์ PACO เป็นหลัก และมีสินค้าอื่นๆ อาทิ ท่อน้ำยาแอร์ น้ำยาแอร์ เพื่อเป็นการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรในที่เดียว (One-Stop Solution)