พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยถึงการกำกับดูแลการขนย้ายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมว่า หลังจากที่บริษัท ว.ธนทรัพย์ จำกัด ผู้ชนะการประมูลซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลปริมาณ 21,180 ตัน เพื่อนำไปผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ และทำสัญญากับ อคส.เมื่อวันที่ 29 ม.ค.59 ไปแล้ว นั้น บริษัทได้ชำระเงินงวดแรกค่าข้าว 5,000 ตันแรก เมื่อวันที่ 5 ก.พ.59 และเริ่มขนย้ายข้าวออกจากโกดังทันที จนถึงวันที่ 9 ก.พ. ขนข้าวแล้ว 640 ตัน โดยบริษัทแจ้งวันที่ 12 ก.พ.นี้ จะชำระเงินงวดที่ 2 ค่าข้าวอีก 5,000 ตัน และกำหนดจะขนย้ายจากคลังให้ครบ 10,000 ตัน ภายใน 20 วันทำการ หรือภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา บริษัทจะต้องถูกปรับ ส่วนการขนย้ายข้าวออกจากคลังขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จังหวัดนครสวรรค์ จะใช้มาตรฐานการขนย้ายเดียวกันนี้
ทั้งการขนย้ายข้าวออกจากโกดังจนถึงโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของบริษัท ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามการขนย้ายระบายข้าวสารตามนโยบายรัฐบาล (วอร์รูม) เพื่อกำกับดูแลการขนย้ายให้เป็นไปตามแผน และไม่ให้มีข้าวไหลเข้าสู่ระบบการค้าปกติ หรือไหลเข้าสู่ผู้บริโภค โดยได้วางแผนคุมการขนย้ายอย่างรัดกุมที่สุด และทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ที่กระทรวงการคลังระบุว่า มีข้าวหายไปจากสต๊อกรัฐบาลประมาณ 390,000 ตัน นั้น ยังเป็นการไม่ได้ข้อสรุปทางบัญชีเท่านั้น จะระบุว่าข้าวหายไม่ได้ อาจมีการลงบัญชีผิดพลาด ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง อคส.และ อ.ต.ก.มาหารือแล้วและสั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อสรุปทางบัญชี และข้อเท็จจริงภายในวัน ที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ จากนั้นจะนำส่งให้กับคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานต่อไป
