พระพุทธศาสนาล่วงลับเเล้ว 2560 ปี ในวันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธ เป็นสมเด็จพระสังฆราช ลำดับที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ราชาแห่งหมู่สงฆ์ในประเทศไทย จะถูกจัดขึ้น ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์นี้
ย้อนเวลากลับไปในอดีตนับร้อยปี พระราชพิธีดังกล่าวไม่ได้มีการกำหนดการจัดงานสถาปนาขึ้นเป็นพิเศษ แต่ถือเอาวันเฉลิมพระชนมพรรษา หรือวันฉัตรมงคล เป็นวันประกอบพระราชพิธีร่วมกัน ขึ้นอยู่กับว่าใกล้กับวันใด โดยถือเป็นการสถาปนาพระราชาคณะชั้นหนึ่ง พร้อมๆ กับการเลื่อนพระสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นอื่นๆ
แม้แต่การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชผู้มีเชื้อสายเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ ก็กระทำเพียงให้อาลักษณ์อ่านประกาศ และรับมอบพระสุพรรณบัฏเท่านั้น หรืออาจอัญเชิญพระสุพรรณบัฏเดิมมาสมโภชอีกครั้งหนึ่ง
“สุพรรณบัฏ” ที่ถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช คือ “ลานทอง” มีลักษณะเป็นแผ่นทองคำบางๆ ทำตามอย่างใบลานที่ใช้ในการจดจารหนังสือและพระธรรมคัมภีร์ โดยนำทองคำไปแผ่ให้มีรูปร่างและความยาวเท่าๆ กับใบลาน และจารตัวอักษรเป็นพระนามเต็ม ชื่อพระอารามที่สถิต และข้อความอีกเล็กน้อย
สำหรับพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเป็นการเฉพาะอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพิ่งเกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อ พ.ศ.2508 เมื่อมีการสถาปนาสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฐายี) วัดมกุฏกษัตริยาราม ขึ้นเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช นับแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อจะมีการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช จะจัดพระราชพิธีขึ้นมาเฉพาะสืบถึงปัจจุบัน
ในการขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช จะมีเครื่องประกอบพระอิสริยยศ เครื่องประกอบสมณศักดิ์สำแดงเกียรติยศ มักทำจากวัสดุจำพวกถมปัด ทองแดง งา หรือไม้ประดับมุก ไม่ใช่จำพวกเงินและทองคำซึ่งขัดต่อพระวินัย เรียกว่า “วัตถุอนามาส” แปลว่า สิ่งที่ (ภิกษุ) ไม่ควรจับต้อง มิเช่นนั้นจะต้องอาบัติทันที
ตัวอย่างเครื่องประกอบพระอิสริยยศที่สมเด็จพระสังฆราชในอดีตได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ ได้แก่ ไตรแพร พานพระศรี ขันน้ำพานรอง หีบพระศรี กล่องพระศรี พระเต้าน้ำ ถาดสรงพระพักตร์ บ้วนพระโอษฐ์ปากแตร กาน้ำ หม้อน้ำพระพุทธมนต์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีตราประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ตัวอย่างเช่น พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ได้รับพระราชทาน “ตรางาประจำชาด” จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นรูปบุษบกราชรถ มีอักษรโดยรอบว่า “สกลคณาธิเบศร์ มหาสังฆปริณายก”
อีกหนึ่งเครื่องประกอบสมณศักดิ์ที่สำคัญก็คือ “พัดยศ” ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าไทยได้ธรรมเนียมดังกล่าวมาจากลังกา โดยมีใช้มาตั้งแต่ยุคกรุงเก่าเป็นอย่างน้อย ดังปรากฏในจดหมายเหตุทูตลังกาที่เดินทางเข้ามาในกรุงศรีอยุธยา โดยพรรณนาว่า สมเด็จพระสังฆราชแห่งสยาม ทรงมีพัดยศ 2 เล่ม มีลักษณะแตกต่างกัน คาดว่าเป็นพัดฝ่ายคามวาสี และอรัญวาสี
ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พัดยศมีลักษณะเป็นพัดแฉก ซึ่งเรียกว่า ทรงพุ่มหัวบิณฑ์ มีตัดพัด ยอด และด้ามแบบต่างๆ ที่แสดงถึงเกียรติยศ
พัดยศของพระสังฆราชมีความแตกต่างกันตามชาติกำเนิด กล่าวคือ หากไม่ใช่ราชวงศ์ เป็นพัดพื้นตาดเหลืองสลับตาดขาว ปักดิ้นเลื่อม ส่วนชั้นราชวงศ์เป็นพัดพื้นตาดเหลืองสลับตาดขาว ปักดิ้นเลื่อม ใจกลางปักตราเครื่องหมายประจำรัชกาลนั้นๆ
สำหรับลำดับพิธีการพระราชพิธีที่จัดขึ้นเป็นพิเศษที่สืบมานั้น พระมหากษัตริย์จะทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้สำนักพระราชวังจัดพิธีการ กำหนดวันเวลาและรายการตามพระราชประเพณี ท่ามกลางสังฆมณฑลอันประกอบด้วยกรรมการมหาเถรสมาคม โดยสมณศักดิ์เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีการจารึกพระสุบรรณบัฏ พระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินมายังพระอุโบสถเพื่อทรงประกอบพระราชพิธี ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วทรงประเคนผ้าไตรแด่พระสงฆ์กรรมการมหาเถรสมาคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพระรัตนตรัย ทรงศีล สมเด็จพระราชาคณะทรงถวายศีลจบ ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้พนักงานอาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการสถาปนา
จากนั้น สมเด็จพระราชาคณะนำสวดสังฆานุโมทนา เสด็จไปถวายน้ำมหาสังข์ทักษิณาวัฏพระสุพรรณบัฏ พระตราตำแหน่ง พัดยศ เครื่องสมณศักดิ์แด่สมเด็จพระสังฆราช พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา โหรลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ พนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ พระสงฆ์ในอารามทั่วพระราชอาณาจักรเจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆัง พระมหากษัตริย์ถวายใบปวารณาแด่พระสงฆ์ในสังฆมณฑล พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก เสร็จแล้วพระสังฆราชขึ้นประทับอาสน์สงฆ์กลางพระอุโบสถ พระเถระผู้ใหญ่ ผู้แทนพระบรมวงศานุวงศ์ หัวหน้าคณะรัฐบาล ผู้แทนองคมนตรี ประธานสภา ประธานศาลฎีกา เข้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระสังฆราชทรงออกไปรับเครื่องสักการะของบรรพชิตญวนและจีน แล้วเสด็จกลับ เป็นอันเสร็จพิธี
สำหรับพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 20 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ พระพุทธเลิศหล้านภาไลย แล้วทรงประเคนผ้าไตรแด่สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะที่เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ กองอาลักษณ์ และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านประกาศกระแสพระราชโองการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช จากนั้นสมเด็จพระสังฆราช เสด็จประทับ ณ อาสนะที่ปูลาดไว้ข้างพระแท่นเศวตฉัตร
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏแด่สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระสุพรรณบัฏ ตราตำแหน่ง พัดยศ ไตรแพร เครื่องยศสมณศักดิ์ เสด็จไปถวายใบปวารณาแทนจตุปัจจัยไทยธรรม ทรงหลั่งทักษิโณทก
อธิบดีกรมการศาสนากราบทูลนำเสด็จสมเด็จพระสังฆราชไปทรงรับเครื่องสักการะจากพระมหาเถระผู้ใหญ่ฝ่ายธรรมยุต คือ สมเด็จพระวันรัต และฝ่ายมหานิกาย คือ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลฎีกา
สมเด็จพระสังฆราชทรงรับเครื่องสักการะจากบรรพชิตญวนและจีน แล้วเสด็จกลับวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม