ผอ.ฮิตาชิฯ น้อมนำแนวพระราชดำริ รัชกาลที่ 9 มาใช้ แม้เป็นบ.ญี่ปุ่นแต่ก็รักในหลวง

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 190 ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศแต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์เดินทางมาต่อแถวรอกราบถวายสักการะอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนอบอ้าวและมีฝนโปรยปรายในบางช่วง ทั้งนี้ ทางสำนักพระราชวังเปิดประตูวิเศษไชยศรีให้ประชาชนเข้าตั้งแต่เวลา 04.45 น. จากเปิดปกติเวลา 08.00 น. ส่วนภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พบว่า มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากวันนี้ กองพระราชพิธี กองวัง ฝ่ายวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และฝ่ายประชาสัมพันธ์เผยแพร่สำนักงานเลขานุการกรม จะเปิดการจำหน่ายบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งแต่เวลา 08.30-12.00 น. และงดเข้าชมภายในพระอุโบสถทั้งวัน

นายสมศักดิ์ กาญจนาคาร

นายสมศักดิ์ กาญจนาคาร ผู้อำนวยการบริษัท ฮิตาชิ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ได้นำคณะร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าโศกไปพร้อมกัน ซึ่งในช่วงที่พระองค์ยังทรงพระชมน์ชีพ ปวงชนชาวไทยต่างรักและหวงแหนเหมือนพ่อของทุกคน ส่วนตนตอนนี้มีอายุมากแล้ว ตั้งแต่เกิดมาก็รับรู้เรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะการทรงงานอย่างหนัก เดินทางไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อให้พสกนิกรกินดีอยู่ดี นอกจากนี้ในส่วนของการนำคณะมาวันนี้ ความจริงมีหลายคนที่อยากร่วมเดินมาทั้งหมด แต่ก็ส่งตัวแทนมาร่วมระลึกถึงท่าน ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าจะประกอบอาชีพสาขาใด ทุกคนต่างมีความจงรักภักดียิ่ง

“ทางบริษัทฮิตาชิฯ ได้น้อมนำโครงการพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ในบริษัท ด้วยการนำเรื่องของพอเพียงมาใช้ ได้แก่ แนวคิดในการประหยัดพลังงานเพื่อช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น หรือแม้แต่โครงการช่วยเหลือน้องๆ นักเรียนในพื้นที่ตามชนบทด้วยการให้อุปกรณ์การเรียน ตลอดจนโครงการให้ความรู้และทุนการศึกษาแก่นักเรียน ตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยตรัสไว้คือ การให้ความสำคัญในเรื่องของการศึกษาแก่เด็ก ส่วนคณะผู้บริหารเองได้นำแนวคิด ความเป็นพ่อ มาปรับใช้กับพนักงานของบริษัท เช่น ให้ความสำคัญกับพนักงาน รักใคร่เขาเหมือนลูกหลานในครอบครัว แม้จะเป็นบริษัทญี่ปุ่นแต่เราก็รักคนไทยและรักในหลวงเหมือนกัน” นายสมศักดิ์กล่าว

น.ส.ปณินันท์ ทองพันธ์ (กลาง)

น.ส.ปณินันท์ ทองพันธ์ พนักงานธนาคารวัย 44 ปี ชาวอ.หาดใหญ่ สงขลา พร้อมด้วยสามี นายยศเกศ หริพ่าย อายุ 44 ปี และหลานสาว น.ส.ระพีพร ทองพันธ์ อายุ 19 ปี เผยว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มารู้สึกตื้นตันใจมาก ซึ่งครั้งหนึ่งในชีวิตต้องกราบพระบรมศพให้ได้ ภูมิใจที่ได้เกิดในแผ่นดินของพระองค์ ตั้งแต่เกิดไม่เคยรับเสด็จ แต่รับรู้ว่าพระองค์ทรงคิดค้นสิ่งต่างๆ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของพสกนิกรตลอดพระชนม์ชีพ อย่างที่อำเภอระโนด จ.สงขลา มีโครงการพระราชดำริประตูระบายน้ำ เพื่อกันน้ำเค็มหนุนเข้ามาทำลายพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดไม่ได้ หรืออย่างตัวเมืองหาดใหญ่ที่เป็นแอ่งกะทะพอถึงฤดูน้ำหลากก็เกิดน้ำท่วมประจำ ชาวบ้านเดือดร้อนมาก เมื่อปี 2541 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่อำเภอหาดใหญ่และพระราชทานแนวพระราชดำริให้ขุดบึงสำหรับเก็บน้ำในลักษณะแก้มลิงให้น้ำระบายมาที่นี่ นับแต่นั้นมาน้ำก็ไม่ท่วมตัวเมืองหรือถ้าท่วมก็ขังไม่นานเพราะน้ำระบายได้อย่างรวดเร็ว ส่วนตัวทำงานธนาคารเกี่ยวกับเงินทองยังได้น้อมนำคำสอนเรื่องความซื่อสัตย์ในอาชีพมาเป็นแนวทางการทำงาน ซึ่งสำคัญมากเพราะคนเราอยู่กับเงินถ้าไม่มีวินัยและความซื่อสัตย์ก็อาจทำเรื่องไม่ดีได้

Advertisement
นางหนึ่งฤทัย เขตสินบุญ (ขวา)

ขณะที่ นางหนึ่งฤทัย เขตสินบุญ วัย 61 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ สถาบันจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กทม. กล่าวว่า วันนี้พาน้องๆ หลาน ๆ นั่งรถทัวร์หลายชั่วโมงเดินทางมาจาก ต.บ้านใหม่ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยทุกคนมีความตั้งใจอยากมาเข้ากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งทุกคนรักพระองค์จึงอยากมากราบสักครั้งหนึ่งในชีวิต ช่วงแรกที่ทราบข่าวว่าท่านสวรรคตทุกคนรู้สึกเสียใจมาก จวบจนทุกวันนี้ยังคงเสียใจและอาลัยมิเสื่อมคลาย ส่วนน้องๆ หลานๆ เพิ่งมีโอกาสเดินทางมากราบพระบรมศพของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งแรก แต่ตนอยู่กรุงเทพฯ ใช้โอกาสหลังการเกษียณอายุราชการมากราบสักการะเกือบ 20 ครั้งแล้ว

“ช่วงที่ป้าทำงานก็ได้นำคำสอนของพระองค์เรื่องความพอเพียงไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ อยู่อย่างพอเพียง ประกอบกับยึดในเรื่องความขยันอดทนมาประยุกต์ใช้ และพยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ที่สุด ทั้งนี้ ขณะที่ปฎิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วย ตนก็จะไม่แบ่งชนชั้น พยายามดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชทุกทนให้เท่าเทียม เปรียบเหมือนญาติของป้า” นางหนึ่งฤทัยกล่าว

 

Advertisement

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 10 พฤษาคม หลังปิดการขึ้นกราบถวายสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.05 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 30,151 คน รวม 189 วัน มี 6,921,132 คน ส่วนยอดเงินประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล ทางสำนักพระราชสังจะยกยอดไปนับรวมกับยอดเงินในวันที่ 11 พฤษภาคม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image