พสกนิกรเนืองแน่นกราบถวายบังคมพระบรมศพ ร.9 วันสุดท้าย(คลิป)

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ภายหลังสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 5 ตุลาคม

สำหรับวันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนปิดให้ขึ้นกราบถวายบังคมพระบรมศพ ประชาชนจากทั่วภูมิภาคต่างหลั่งไหลมายังบริเวณสนามหลวงด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน โดยประชาชนสามารถต่อแถวเข้ากราบได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องหยุดรอให้เสร็จสิ้นการสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เนื่องจากทางสำนักพระราชวังได้ปิดให้หน่วยงานร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา

ตลอดทั้งวันท้องฟ้ามืดครึ้มและมีฝนตกลงมาเป็นบางช่วง แต่ไม่ได้ลดทอนความตั้งใจของประชาชนที่แม้รู้ว่าต้องต่อแถวยาวเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง ยังมีประชาชนทยอยเดินทางมาต่อแถวเพิ่มขึ้น ทั้งบริเวณจุดคัดกรองหน้าโรงแรมรอยัลรัตนโกสินทร์ซึ่งแถวยาวตลอดถนนราชดำเนินไปจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

Advertisement

ด้านจุดคัดกรอง หน้าหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) แถวยาวออกไปหลายกิโลเมตรท้ายอยู่บริเวณท่าเตียน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่และจิตอาสา นำร่ม อาหารทานง่ายและเครื่องดื่มมาแจกจ่าย และช่วยดูแลและบริการประชาชน

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ตลอด 24 ชั่วโมง มีจำนวนทั้งสิ้น 96,150 คน รวม 336 วัน มี 12,628,642 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 6,437,999.25 บาท รวม 336 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 882,528,282.01 บาท

Advertisement

นางสาวสุดหทัย ทองปรอน พร้อมด้วย นางสาววิจิตตรา ยอดพรหม นางสาววัชรี แพงดี นางสาวชรินทร กมเลศร์ และนางสาวฐิติพร รูปเกลี้ยง นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ มาต่อแถวกราบถวายบังคมพระบรมศพตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันที่ 4 ตุลาคม ได้กราบพระบรมศพในเวลา 10.30 น. ของวันที่ 5 ตุลาคม กล่าวพร้อมกันด้วยสีหน้าปลาบปลื้มหลังได้เข้ากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรกว่า หลังจากปิดภาคเรียนแล้ว พวกเราก็คุยกันว่าอยากมากราบพระบรมศพสักครั้งในชีวิต แต่ละคนจึงขออนุญาตพ่อแม่และเดินทางมาต่อแถวตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งก็รอต่อแถวกันไม่ได้หลับไม่ได้นอน ระหว่างรอช่วงเวลา 03.00-05.00 น.ก็มีฝนตกลงมา พวกเราก็ต่อแถวรอท่ามกลางสายฝนด้วยความอดทน

สุดหทัย,วิจิตตรา,วัชรี,ชรินทรและฐิติพร (จากซ้าย)

“ระหว่างต่อแถวรอไม่รู้สึกท้อเลย เพราะตั้งใจมากราบพระบรมศพแล้ว ยังไงก็ต้องเข้ากราบให้ได้ และคงน้อยนิดมากกับเวลา 70 ปี ที่ในหลวง ร.9 ทรงงานเพื่อคนไทย ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่าง ทรงพระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้ประชาชนนำไปปฏิบัติเพื่อความมีอยู่มีกิน อย่างไรก็ดี พวกเรามีสิ่งที่ตั้งใจจะทำถวายพระองค์คือ การจะตั้งใจเรียน รวมถึงปฏิบัติตัวเป็นคนดี โดยล่าสุดพวกเราได้สมัครจิตอาสาเฉพาะกิจฯ ประเภทการแพทย์ ซึ่งจะปฏิบัติงานในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ” กลุ่มนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์ฯ กล่าว

นายประสพสุข สุดเจริญ อายุ 53 ปี ชาวไทยเชื้อสายมอญจากชุมชนบางกระดี่ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ มาต่อแถวกราบถวายบังคมพระบรมศพตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่ 4 ตุลาคม ได้กราบพระบรมศพในเวลา 10.45 น. ของวันที่ 5 ตุลาคม กล่าวว่า มากราบพระบรมศพเป็นครั้งที่ 10 มาครั้งนี้รอนานกว่าทุกครั้ง เพราะคนมากันมืดฟ้ามัวดินจริงๆ เมื่อคืนท้ายแถวอยู่ช่วงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ทำให้หลายคนที่นั่งรถมาลงสนามหลวงต้องเดินย้อนกลับไป ขณะที่การต่อแถวทุกคนยังสู้กับฝนที่ตกเมื่อคืนช่วงตี 3 ไปหยุดช่วงเช้ามืด แต่ก็ไม่มีใครถอยหนี ซึ่งตนเห็นแล้วก็ประทับใจ

นายประสพสุข สุดเจริญ

“เชื่อว่าทุกคนก็ใฝ่ฝันอยากได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดในหลวง ร.9 ตอนที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่ตอนนี้คิดว่าสิ่งที่จะทำให้ทุกคนได้เข้าเฝ้าฯใกล้ชิดพระองค์ได้คือ การทำความดี เพราะพระองค์สอนให้เราเป็นคนดี นี่เป็นสิ่งที่ผมจะยึดมั่นต่อไป อย่างไรก็ดี ในฐานะคนมอญ พวกเราประทับใจต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมาก ที่ในช่วงรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้คนมอญมาอยู่ในแผ่นดินไทย เริ่มที่ จ.สมุทรปราการ และขยายเรื่อยมา เรายังได้รับการดูและรักษาวัฒนธรรมโดยราชสกุลไทย ทำให้ในโอกาสมหามงคลของพระบรมวงศานุวงศ์ต่างๆ รวมถึงในงานพระบรมศพ คนไทยเชื้อสายมอญร่วมกันบริจาคเงินเพื่อมาออกร้านแจกอาหารและน้ำดื่มให้ประชาชนที่มาร่วม เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” นายประสพสุขกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image