⦁…เมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในฐานะ “นายกรัฐมนตรีแข็งแกร่งที่สุดใน 3 โลก” เพราะไม่ว่าจะเผชิญกับการโจมตีเรื่องอะไร หนักหนาสาหัสแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรทำให้กระทบกระเทือนได้ เอาไปคุยฟุ้งในเวทีประชุม “สหประชาชาติ” ที่สหรัฐอเมริกา ว่า “โครงการหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า” เป็น “ความสำเร็จของไทยที่ทั่วโลกยอมรับ” ทำให้ความเป็นห่วงว่า “โครงการที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงกับประชาชน” จะถูกโละทิ้ง เพราะเริ่มจาก “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” ยุคที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นอัน “เบาใจหายห่วง” ได้ ถือเป็น “โชคดีของประชาชน”
⦁…เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่ “7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ไม่สามารถปล่อยให้ “การถวายสัตย์ไม่ครบถ้อยความตามรัฐธรรมนูญ และการแถลงนโยบายโดยไม่บอกที่มาของรายได้อันรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดให้ต้องทำ” ผ่านไปเพราะ “อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรแล้วนายกรัฐมนตรีไม่ตอบ” และ “ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย” ได้ ด้วยเกรงว่าจะเป็น “ตัวอย่าง” หรือ “การสร้างมาตรฐานใหม่” โดย “ไม่ใส่ใจกฎหมายสูงสุดของประเทศ” จึงลงรายมือชื่อร่วมกัน ยื่นเรื่องต่อ “ป.ป.ช.” ให้ส่งเรื่องไปพิจารณาใน “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง” แน่นอนประชาชนย่อมจับตาว่า “ป.ป.ช.” จะออกรูปไหนในเรื่องนี้
⦁…พรรคการเมืองกู้เงินได้หรือไม่ ที่ “นักกฎหมาย” และ “นักการเงิน” แบ่งความเห็นเป็น 2 ขั้ว ฝ่ายหนึ่งบอกได้ อีกฝ่ายหนึ่งชี้ว่าผิด เพราะเหตุของเรื่องนี้มาจาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ให้ “พรรคอนาคตใหม่” กู้ ประเด็นที่วิจารณ์กันฝุ่นตลบเวลานี้ เลยพ้นไปจาก “กฎหมาย” และ “นิยามทางการเงิน” แต่โฟกัสที่ไป “เกมการเมือง” ที่เชื่อกันมาตลอดว่าที่สุดแล้ว ต้องมีเหตุให้ “ยุบพรรคอนาคตใหม่” ให้ “นักการเมืองไฟแรงทั้งหลาย ลงจากเวทีไป”
⦁…มีมุมมองว่า “ยุบอนาคตใหม่” จะเป็นการแก้ “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” เพราะ “ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคไฟแรง” ที่ถูกตัดทิ้ง น่าจะมาเพิ่มในซีก “รัฐบาล” โดยเฉพาะ “พลังประชารัฐ” แต่มีคนให้จับตากรณี “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ที่ยุบพรรคตัวเองแล้วมาเป็น “ส.ส.พลังประชารัฐ” เพราะ “ไพบูลย์” ได้ “ปาร์ตี้ลิสต์พรรคอื่น” ก็น่าจะได้เหมือนกัน หาก “ความอายใน 2 มาตรฐานยังเหลืออยู่บ้าง”
⦁…หาก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ในฐานะ “ประธานยุทธศาสตร์พลังประชารัฐ” หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ “ผู้จัดการรัฐบาล” จะแก้ปัญหา “เสียงปริ่มน้ำ” โดยการ “หาเสียงสนับสนุนเพิ่ม” ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา หากไม่หาทางแก้ไขต่างหากที่เป็นเรื่อง “ไม่ทำหน้าที่” คนที่ควรถูกตำหนิคือ “ส.ส.ที่จุดยืนโอนเอนไปตามผลประโยชน์” เป็นพวก “ทิ้งพรรคโดยไม่แคร์ความรู้สึกประชาชนที่เลือกเข้ามา” ต่างหาก
⦁…คุยกับนักการเมืองหลายคน โดยเฉพาะจาก “ฟากรัฐบาล” มีความเชื่อไปในทางเดียวกันว่า “รัฐบาลตู่” จะอยู่ยาว เพราะไม่มีอะไรมาทำให้ “อยู่ไม่ได้” ด้วย “ฝ่ายค้าน” โดยเฉพาะหัวขบวนอย่าง “พรรคเพื่อไทย” นั้น แม้จะเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นที่รู้กันว่าจะยังไม่ “เอาให้พังกันไปข้าง” เหตุก็คือ “การเมืองต้องใช้เงินมหาศาล” ยังไม่มีใครพร้อมจะหาเสียงใหม่ ยิ่ง “รัฐธรรมนูญยังดีไซน์ไว้เพื่อพวกเรา” เหมือนเดิม ยิ่งไม่มีประโยชน์ เพราะเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ ก็ต้องเผชิญ “ด่านกลไกอำนาจที่วางไว้แข็งกร้าว” ชนิดที่ “ไม่มีความหวังที่จะผ่านด่านไปได้” ส่วนพรรครัฐบาลนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปดิ้นรนให้ยุ่งขึ้นมาอีก
⦁…มีข่าวงแพลมๆ ออกมาแล้วว่า “ปรับ ครม.” อาจจะมีขึ้น แต่ไม่เร็วนัก ดูจะเป็นราว “มกราคม” ปีหน้า และก่อนปรับน่าจะต้องเคลียร์กันให้เรียบร้อยว่า จะแก้ไขปัญหา “ถวายสัตย์” ที่ถูกโจมตีว่า “ละเมิดกฎหมายสูงสุดของประเทศ” ไปเลยทีเดียวหรือไม่ อย่างไรก็ตาม “วี่แววแห่งความปั่นป่วนน่าจะเกิดขึ้นไม่น้อย” เพราะจะเป็นวาระที่ต้องต่อรอง “โควต้า” กันใหม่
ชโลทร