วันอังคารที่ 3 ธันวาคม กำลังกลายเป็นวันสำคัญ เป็นวันอันชี้ขาดว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังสามารถรักษา 251 เสียงที่ได้ มาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนไว้ได้หรือไม่
เพราะเด่นชัดแล้วว่าจะเป็นวันที่ นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จะแสดงบทบาทสำคัญ
ในฐานะหัวหน้าและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
ในการประสานและเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าพบและหารือกันอย่างไม่เป็นทางการกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ทั้งๆที่ในวันอังคาร 3 ธันวาคม ก็เป็นวันประชุมครม.ตามปกติ แต่ก็ต้องมีการนัดสังสรรค์อย่างเป็นพิเศษ
นี่คือสภาวะอัน”อ-ปกติ”ของ “รัฐบาล”
คำยืนยันอันมาจากพรรคพลังประชารัฐกรณีของวันที่ 3 ธันวาคมเท่ากับเป็นการตอกย้ำให้เห็นเด่นชัดถึงสภาวะ”ไม่ปกติ”ทางการเมืองที่ดำรงอยู่ในรัฐบาล
ตอกย้ำว่า”ข่าวลือ”ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีอยู่จริง
ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ในเรื่องอันเกี่ยวกับการแบน 3 สารพิษอันตราย
ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ในรายละเอียดการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องคณะกรรมาธิการวิสามัญ ทั้งควรจะผ่าน ไม่ผ่าน ทั้งในประเด็นอันเกี่ยวกับตำแหน่งประธาน
เรื่องจึงต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บูรณาการ
มีข้อควรพิจารณาภายในแวดวงการเมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือ ยิ่งมีการพูดถึงความเอกภาพยิ่งไม่มีเอกภาพ ยิ่งมีการพูดถึงความสามัคคียิ่งแสดงว่าความสามัคคีมีปัญหา
หลังจากมีเสียงจากรัฐบาลและจากพรรคพลังประชารัฐในเรื่องสภาวะของ”เศรษฐกิจขาเดียว”
ยิ่งทำให้ความเป็นเอกภาพระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย กำลังมีปัญหาในเรื่องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ยืนยันว่า”นายกรัฐมนตรี”ไม่สามารถ”บูรณาการ”ได้อย่างเป็นจริง