ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
ผู้เขียน | สุพัฒน์ เจริญสรรพพืช |
ที่ผาหม่อนน้อย อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี มีภาพวาดลายเส้นเขียนสีการทำกิจกรรมของคนโบราณ ซึ่ง “สุจิตต์ วงษ์เทศ” ได้อธิบายไว้ในบทความ “ปักกกแฮก ในนาตาแฮก” ลงในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2557 ส่วนหนึ่งว่า
“ปักกกแฮก ในนาตาแฮก เมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว มีต้นข้าวปักดำเป็นแถว มีวัวหรือควาย กับมีคนถืออาวุธทำท่าล่าวัวควาย และมีมือประทับทำแนวโค้ง พร้อมด้วยลายขีดข่วน รูปสัญลักษณ์ที่ยังไม่รู้ความหมาย” และยังอธิบายเพิ่มเติมถึงความเป็นมาของประเพณีแรกนาขวัญ พิธีกรรมโบร่ำโบราณที่นักประวัติศาสตร์โบราณคดีระบุว่ามีการสืบต่อมาหลายพันปีแล้วในย่านถิ่นพี่น้องไทย-ลาวแห่งอุษาคเนย์ตอนบน ลงในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 สิงหาคม 2557 อีกส่วนว่า
“แรกนาขวัญ เป็นภาษาของคนในภาคกลางที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตรงกับภาษาของคนบริเวณสองฝั่งแม่น้ำโขงว่า นาตาแฮก (แฮก คือ แรก) หมายถึง การไถนาทำนาปลูกข้าวครั้งแรกในนาจำลองขนาดเล็กๆ ที่สมมุติขึ้น” “แล้วมีพิธีสู่ขวัญวิงวอนร้องขอต่ออำนาจเหนือธรรมชาติ (บางทีเรียกผีนาหรือพระภูมินา) จงบันดาลให้ทำนาจริงๆ ได้ผลผลิตเป็นข้าวงอกงามอุดมสมบูรณ์เหมือนนาจำลองที่สมมุติขึ้นครั้งแรกนี้” และ “พิธีอย่างนี้มีมาแต่ดั้งเดิมในชุมชนดึกดำบรรพ์ราว 3,000 ปีมาแล้ว สมัยก่อนๆ ทุกคนมีอาชีพทำนาต้องทำกันทั่วไปก่อนจะลงมือทำนาจริง”
นอกจากนั้นในวารสารสังคมวิทยามานุษยวิทยา ฉบับ มกราคม-มิถุนายน 2557 ได้ลงบทความเก็บตกจากงานสัมมนาการบรรยายเรื่อง “วิถีข้าว วิถีชีวิตในการบูรณาการทางสังคมไท” โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิเชฐ สายพันธ์ คัดมาในตอนที่เกี่ยวกับแบบแผนพิธีกรรมการเพาะปลูกข้าว อ้างถึงข้อสังเกตของ ปรานี วงษ์เทศ (2536) ต่อพิธีกรรมต่าง ๆ ในการทำนาของชาวจ้วงว่า
“ซึ่งมักให้ความสำคัญต่อบทบาทผู้หญิงและความเป็นหญิง ซึ่งพิธีของชาวจ้วงจะให้ชายแต่งเป็นหญิงตีกลองทัด ซึ่งชาวบ้านอธิบายว่าในอดีตผู้หญิงเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เป็นผู้ชี้แนะการเพาะปลูก บอกชุมชนให้เริ่มทำนา และพิธีหว่านของชาวจ้วงในกวางสี ผู้หญิงจะนำข้าวเหนียวนึ่ง 5 สี (ขาว เหลือง แดง เขียว ม่วง) ไก่ เหล้า ไปบูชาผีข้าวในนาก่อนจะทำการหว่านข้าว”
และคัดมาในอีกตอนที่เกี่ยวกับพิธีแรกนาของชาวจ้วงว่า
“ชาวจ้วงแฮกนาโดยให้หญิงชราลูกดกไปดึงกล้าแล้วนำไปดำเป็นเคล็ดในการแรกนา ซึ่งกลุ่มชาวจ้วงเชื่อว่าเป็นพิธีที่สะท้อนบทบาทหญิงที่เคยเป็นผู้นำชุมชนเกษตรกรรมการเพาะปลูกข้าวของสังคมไทมาก่อน”
พิธีกรรมแบบ “นาตาแฮก” ก่อนลงมือปลูกพืชผลตามฤดูกาลนั้น ก็มีปรากฏในประเพณีครั้งเก่าของทางอินโดนีเซีย ตั้งแต่พวกดายัคลงไปไปจนถึงพวกซุนด้าและชวาแห่งอุษาคเนย์ตอนล่าง เพียงแต่เรียกในชื่อต่างกันออกไป เช่นว่า “upacara adat tanam padi – อูปาจาร่า อาดั๊ต ตานัม ปาดี้” แปลว่าพิธีกรรมดำนาข้าว หรือ “upacara adat bertani – อูปาจาร่า อาดั๊ต เบอร์ตานี” แปลว่าพิธีกรรมปลูกพืชพันธุ์ หรือ “upacara adat buka tanah อูปาจาร่า อาดั๊ต บูก้า ตานาฮ์” แปลว่าพิธีกรรมการเปิดผืนดิน
มีคำที่น่าสนใจคือคำว่า “tanam อ่านว่า ตานัม” มีความหมายว่าปลูกฝังแช่เมล็ดหรือต้นกล้าพันธุ์ลงไปในดิน (ที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำ) เพื่อรอให้งอกงามเจริญเติบโต ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “to plant” และตรงกับภาษาของพวกไท-ไต ว่า “ดำ” ซึ่งเป็นคำที่พิเศษและถูกใช้ในหลากหลายสถานภาพทั้ง สีดำ การปักดำ การรดน้ำและการดำหัว
และอีกคำว่า “buka อ่านว่า บูก้า” ที่น่าสนใจไม่แพ้คำว่า “tanam” โดยคำว่า “buka” มีความหมายในภาษาอินโดนีเซียว่าเปิดออก เปิดเผยสิ่งที่ปกปิดอยู่ให้เป็นที่รับรู้ แสดงการเปิดผลักออกไปข้างหน้าที่ไม่ใช่การดึงกลับเข้ามา ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “open” และตรงกับคำว่า “บุก” หรือ “เบิก” ของพวกไท-ไต คำสองคำนี้แปลในทำนองว่าการล่วงล้ำเข้าไปเพื่อเปิดทาง เช่น บุกป่าฝ่าดง บุกรุกแผ้วถาง บุกตะลุย เบิกทางเส้นใหม่ ทำให้เปิดกว้างถ่างออก เบิกไร่เบิกนา หรือเบิกบายศรี
ซึ่งจะเห็นความคล้ายกันทั้งในรูปคำและความหมาย ระหว่างคำของพวกอินโดนีเซีย ซึ่งเป็น “Austronesian” สายหนึ่ง กับคำของพวกไท-ไต ซึ่งเป็น “Tai-Kadai” สายหนึ่ง และคงกล่าวได้อย่างไม่เก้อเขินว่า พิธีกรรมแรกนาขวัญนั้นเป็นวัฒนธรรมร่วมดั้งเดิมของชาวอุษาคเนย์อย่างแท้จริง
คำของพวก ไท-ไต ว่า “แรกนา” ซึ่งเป็นคำเดียวกับ “นาตาแฮก” นั้น ได้เจาะจงลงไปเป็นพิเศษที่ “แรก” และ“แฮก” ว่า เป็นการทำพิธีกรรมของผู้คนที่ต้องการสื่อสารกับสิ่งเหนือไปจากการรับรู้ทั่วไป เป็นการเฉพาะ ในการทำกิจกรรมเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นการสื่อความหมายอย่างชัดเจนของการใช้คำว่า “แรก” หรือ “แฮก” อย่างตรงไปตรงมา บอกให้รับรู้ถึงการเริ่มต้น การบุกเบิก การเปิดทาง เพื่อกิจกรรมแห่งการก่อกำเนิดชีวิต ในแนวทางเดียวกับการ “ชำแรก” หรือ “แทรก” เปิดพรหมจรรย์ของแท่งศิวะลึงค์ เพื่อให้ชีวิตใหม่ได้ปฏิสนธิในอุ้งครรภ์มารดาอย่างสมบูรณ์ เป็นพิธีกรรมโบราณของผู้คนในย่านนี้ที่มีมาก่อนพิธีพราหมณ์อย่างยาวนาน
ซึ่งสอดคล้องต้องกันกับข้อสังเกตของนักวิชาการหลายท่านที่ว่า แม่หญิงต้องเป็นผู้นำในพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ และผู้บ่าวคนแบกรับภาระไว้บนบ่าก็ต้องแต่งเป็นแม่หญิงเท่านั้น เพื่อทำหน้าที่ตีกลองร้องส่งเสียงบอกผีฟ้าให้รับรู้ เพราะนี่คือพิธีกรรมแห่งการสืบสานเผ่าพันธุ์ ระหว่างผีฟ้าผู้เป็นพ่อที่ให้กำเนิดเชื้อชีวิตลงมาชำแรกแทรกตัวเข้าปฏิสนธิกับเชื้อไข่ในอู่ครรภ์มดลูกของแม่ธรณียังเบื้องล่าง โดยมีหยาดน้ำเป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างผีฟ้าและแม่ดิน เพื่อช่วยให้พิธีกรรมสืบสานเผ่าพันธุ์ส่งผลอย่างสมบูรณ์เต็มที่
นอกจากนี้ ในภาษาของอินโดนีเซียยังมีคำที่สื่อความหมายของคำว่า “แรก” และ “แฮก” อย่างชัดเจน คือคำว่า “sarak อ่านว่า ซารัค” แปลตรงๆ ว่าแบ่งแยก ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็นว่าออกโทนเสียงได้สำเนียงใกล้เคียง และยังมีความหมายอันเดียวกับคำว่า “ชำแรก” “แทรก” “แรก” และ “แฮก” นั่นคือการเปิดแหกแยกบางสิ่งออกจากกัน จึงขอเสนอรากความหมายดั้งเดิมของประเพณีเก่าแก่แห่งอุษาคเนย์ “แรกนา” และ “แฮกนา” ไว้ ณ ที่นี้
เกิดที่จันทบุรี เมื่อ พ.ศ 2512 จบการศึกษาจากภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วเดินทางไปสำรวจเหมืองถ่านหินในป่าฝนดิบชื้นแห่งหมู่เกาะทะเลใต้ ประเทศอินโดนีเซียเป็นเวลาหลายปี มีความสนใจพิเศษในด้านภาษาศาสตร์ จึงค้นคว้ารวบรวมข้อมูล พร้อมเสนอแนวคิดใหม่ผ่านบทความในชุด ‘สืบสานจากภาษา เชื่อมมหาสมุทร ขุดรากเหง้า คนไทยอยู่ที่นี่’ เผยแพร่ครั้งแรกใน ‘มติชนออนไลน์’