…เปิดออกมาบ้างแล้ว รายชื่อกรรมการปฏิรูป 11 คณะ รวมๆ เป็น หน้าเก่าๆ ที่คุ้นชินอยู่ในสภาแต่งตั้งในยุคสมัยก่อนหน้านี้ ประเทศที่จะต้องเดินไปข้างหน้าด้วย กรอบความคิดแบบเดิมๆ จะสร้างความหวังให้ได้แค่ไหน เป็นเรื่องของ คนรุ่นใหม่ จะต้องใส่ใจกับสิ่งที่จะกระทบกับอนาคตตัวเอง หรืออาจบางทีขอแค่ไม่เป็น ฝักถั่ว ที่ โหวตตามธงผู้มีอำนาจ ก็น่าจะเป็นบุญนักหนากับ ชะตากรรมของชาติ แล้ว
…ปฏิรูปตำรวจที่เดินหน้าไปก่อน เปิดไพ่ที่ ระบบแต่งตั้ง ผบ.ตร. ด้วยการให้ ก.ตร. เสนอ ผู้ที่คิดว่าเหมาะสมไม่เกิน 3 รายชื่อ ให้ นายกรัฐมนตรี เลือก เป็นวิธีการที่มาจากความเชื่อว่า จะไม่ถูกการเมืองแทรกแซง ด้วยเชื่อมั่นว่า ก.ตร. ซึ่งเป็น อดีตตำรวจ ที่มีวาระแค่ 2 ปี จะหวังดีกับสถาบันตำรวจอย่างแท้จริง อันเป็นเรื่องน่าหาคำตอบยิ่งว่า ตำรวจส่วนใหญ่เอง เชื่ออย่างที่คณะกรรมการปฏิรูปเชื่อ หรือไม่
…ไม่เพียงไม่สนใจเสียงระงมจาก นักการเมือง ที่ร้องขอ ปลดล็อกพรรค ให้ดำเนินกิจกรรมกับสมาชิกเท่านั้น แต่การควบคุมความเคลื่อนไหวทางการเมืองเหมือนจะเพิ่มความเข้มขึ้น การส่ง เจ้าหน้าที่ เข้าไปจัดการที่นั่น ที่โน่นให้อยู่ในความสงบ เริ่มปรากฏถี่อีกครั้ง เมื่อ ไม่มีเค้าว่าใครจะก่อความวุ่นวาย ความเข้มงวดดังกล่าวจึงก่อความสงสัยขึ้นในใจว่า หรือหน่วยข่าวกรองมีข้อมูลเบื้องลึก อะไรที่แปรเป็นความหวั่นวิตก ได้
…เพราะวางเหตุผลหลักของ การจัดการการเลือกตั้ง ไว้ที่ ป้องกันการซื้อเสียง สารพัดกฎหมายที่ออกมาจึงขับเคลื่อนด้วยทรรศนะ หมิ่นแคลนประชาชนว่าจ้องขายสิทธิ จึงแทนที่จะส่งเสริม อำนวยความสะดวกให้ ประชาชน ให้สิทธิอย่างสะดวก จึงกลับกลายเป็นการเขียน กฎเกณฑ์ กติกา ให้ สลับซับซ้อน หรือ ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเข้าไว้ และนี่คือเหตุที่ก่อ ความเอือมระอาต่อการเมือง
…ในวิถี ประชาธิปไตย ควรยึดเอา เสรีภาพ และ ความเท่าเทียมกัน ของประชาชนเป็นแก่นความคิด นั่นหมายถึงต้องเริ่มที่ ความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นคน ถ้ามีสำนึกเช่นนั้น การแบ่งชนชั้น สร้าง อภิสิทธิ์ชน ให้เหนือกว่า คนทั่วไป จะไม่เกิดขึ้น หาก ผู้สถาปนาพวกพ้องตัวเองว่าเป็นผู้ชาญฉลาด มี ปัญญาที่แท้ ย่อมมองเห็นว่า อภิสิทธิ์ชนที่จะแต่งตั้งขึ้นมา มีแต่สร้าง ความบิดเบี้ยวให้เกิดขึ้นกับการอยู่ร่วมกันในสังคม เนื่องจาก คนส่วนใหญ่ถูกข่ม ย่อมเกิด การก่อตัวเป็นพลังต้านโดยธรรมชาติ
…วันที่ 25 สิงหาคม คืบเข้ามา อึกทึก ของความเคลื่อนไหวเพื่อให้กำลังใจ ไม่เท่ากับ เข้มข้น ของมาตรการควบคุม สตง. ออกหน้าออกตาเต็มที่กับ ตรวจสอบการใช้เงินของการปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ ว่า เพื่อการจ้างรถ ขนคนเข้ากรุงเทพฯหรือไม่ จนน่าวิตกว่า ผู้นำท้องถิ่นบางคนอาจจะถึงคราวซวย แต่โชคดีที่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมายืนยันว่า ไม่มี
…ขณะที่ ความกังขา ที่หลายคนตั้งคำถามเรื่อง การจัดซื้อขีปนาวุธ ของ กองทัพเรือ ได้รับ การันตี จาก พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ว่า สตง. ตรวจสอบแล้ว เป็น ขั้นตอนปกติ ไม่มีอะไรที่จะต้องไปสงสัย
…ห่างจากการใช้สิทธิของตัวเองไป 3 ปี และยังไม่รู้ว่าจะได้ทำหน้าที่ ประชาชนในระบอบประชาธิปไตย อีกเมื่อไร ผลสำรวจ กรุงเทพโพล ล่าสุด ประชาชน ร้อยละ 95.9 บอกว่า มีเลือกตั้งเมื่อไร จะออกใช้สิทธิแน่นอน สะท้อนอารมณ์แบบไหนในการรอคอย เป็นเรื่องที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องวิเคราะห์เองได้ไม่ยาก
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่