สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ วารสารทางการแพทย์ “แลนเซต” ตีพิมพ์ผลการศึกษายืนยัน ไวรัสซิกาทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการกิลแลง-บาร์เร (จีบีเอส) ทำให้เส้นประสาทอักเสบเฉียบพลันจนอาจทำให้กล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรง
งานศึกษาชิ้นดังกล่าวมาจากการสำรวจการแพร่ระบาดของอาการกิลแลง-บาร์เรในสาธารณรัฐเฟรนช์โปลินีเซีย ระหว่างปี 2556 – 2557 โดยคณะผู้ศึกษาได้ทำการวิจัยผู้ป่วยจีบีเอสผ่านการตรวจเลือด ได้ข้อพิสูจน์ว่าสาเหตุมาจากเชื้อซิกา พร้อมย้ำว่า งานศึกษานี้เป็นหลักฐานแรกที่ยืนยันว่าซิกาก่อให้เกิดจีบีเอส
งานศึกษาชี้ว่า นักวิจัยพบผู้ป่วยอาการกิลแลง-บาร์เร 42 คน ในสาธารณรัฐเฟรนช์โปลินีเชีย หลังการแพร่ระบาดของเชื้อซิกาที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อประมาณ 200,000 คน ขณะในหลายประเทศ พบว่าการเสียชีวิตจากอาการกิลแลง-บาร์เร ประมาณ 5 เปอร์เซนต์ และอีก 5 เปอร์เซนต์ กลายเป็นอัมพาต โดยมีผู้ป่วยมากกว่า 25 เปอร์เซนต์ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด
นายอาร์โนด์ ฟอนตาเนต ศาสตราจารย์แผนกโรคระบาดวิทยาฉุกเฉินประจำสถาบันปาสเตอร์ ในกรุงปารีส และผู้ร่วมเขียนงานศึกษา ระบุว่า “เราจำเป็นต้องคิดถึงวิธีการเสริมสมรรถภาพในการดูแลอย่างเข้มงวดในพื้นที่ที่ซิกาจะแพร่ระบาดไป” พร้อมเสริมว่า “เราทราบดีถึงจำนวนผู้ป่วยที่จะรับอาการจีบีเอส และประมาณ 30 เปอร์เซนต์ พวกเขาต้องได้รับการดูแลอย่างเช้มงวด รวมถึงการใช้เครื่องช่วยหายใจด้วย”
ศาสตราจารย์รายนี้ ระบุอีกว่า ความเชื่อมโยงระหว่างซิกากับจีบีเอส ไม่ต่างอะไรจากบุหรี่ก่อให้เกิดมะเร็ง โดยตนพบการติดเชื้อซิกาในผู้ป่วยจีบีเอสทุกคน รวมถึงพบสารภูมิต้านทานที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านไวรัสซิกาด้วย
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (ฮู) ประกาศเตือนสถานการณ์สาธารณสุขฉุกเฉินเนื่องมาจากยอดผู้ป่วยจีบีเอสและสภาวะศีรษะเล็กมากขึ้น แม้ความเชื่อมโยงระหว่างอาการกับเชื้อซิกายังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขณะที่บราซิล ประเทศที่มีการแพร่ระบาดซิกาอย่างรุนแรง รายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 พบเด็กศีรษะเล็ก 583 คน
