‘ธงทอง’ ถกบอร์ดเคทีนัดแรก 30 มิ.ย.นี้ เร่งตรวจสอบสัญญาสายสีเขียว ‘ทีดีอาร์ไอ’ แนะเก็บค่าตั๋ว 59 บาท
นายธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน เป็นวันแรกที่คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทได้ประชุมรับนโยบายจากนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม.ที่เข้าร่วมประชุมแทนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. โดยโครงการแรกที่ให้เร่งดำเนินการคือสัญญาการเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่กรุงเทพธนาคมทำกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ที่ให้บอร์ดพิจารณาสัญญาและให้รายงานความคืบหน้าภายใน 1 เดือน ตามที่ผู้ว่าฯประกาศต่อสาธารณะ
“ผมเพิ่งมารับตำแหน่ง ยังไม่เห็นเอกสารสัญญา ได้ให้ผู้บริหารกรุงเทพธนาคมรวบรวมเอกสารส่งให้ดูในวันที่ 21 มิถุนายน และบอร์ดจะประชุมในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ยังบอกไม่ได้ว่าจะเสร็จภายในเวลาที่ผู้ว่าฯชัชชาติกำหนดหรือไม่ ขอผมทำงานดูก่อนว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้าง จะพยายามทำให้เร็วที่สุด ก็เห็นใจและเข้าใจท่านผู้ว่าฯและคนกรุงเทพฯที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว เพราะสัญญาเดินรถจะเกี่ยวกับค่าโดยสารรถไฟฟ้าด้วย” นายธงทองกล่าว
‘ทีดีอาร์ไอ’ แนะเก็บค่าตั๋วไม่เกิน 59 บาท
นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่นายชัชชาติ ผู้ว่าฯกทม.เข้าหารือกับทีดีอาร์ไอเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ทีดีอาร์ไอได้เสนอให้มีการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ หลังเปิดใช้ฟรีมานานเพื่อ กทม.จะได้มีรายได้ชำระหนี้
นายสุเมธกล่าวว่า โดยเสนอให้เก็บค่าโดยสารทั้งส่วนหลักและส่วนต่อขยายสูงสุดไม่เกิน 59 บาท ซึ่งส่วนต่อขยายให้เก็บตามระยะทาง เริ่มต้น 15 บาท ซึ่งรายได้จากส่วนต่อขยายจะเป็นของ กทม.100% โดย กทม.รับแนวคิดนี้ไปพิจารณาแล้ว เนื่องจากเป็นราคาที่ไม่เกินการจัดเก็บที่อัตราสูงสุดปัจจุบันที่เก็บสายหลักมีบีทีเอสซีรับสัมปทาน 16-44 บาท และส่วนต่อขยายช่วงที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงตากสิน-บางหว้า-วงเวียนใหญ่ เก็บ 15 บาทตลอดสาย คาดว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนรับได้ ส่วนจะเริ่มเก็บเมื่อไหร่นั้นคาดว่า กทม.จะเริ่มเก็บในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ว่าฯกทม.ด้วยเช่นกัน