โฆษกอัยการแถลงคดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังอืด เหตุทนายขอความเป็นธรรมหลายครั้ง อสส.กำชับเร่งสั่งคดีหลังยื้อ4ปี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มีนาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงความคืบหน้าสำนวนคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ตกเป็นผู้ต้องหาขับรถเฟอร์รารีประมาทด้วยความเร็ว ชน ด.ต.วิเชียร กลิ่นประเสริฐ สายตรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต บริเวณถนนสุขุมวิท 47-49 เสียชีวิต เวลา 05.00 น. วันที่ 3 กันยายน 2555 ว่า หลังจากที่ผู้ต้องหามอบให้ทนายความขอความเป็นธรรมกับพนักงานอัยการหลายครั้งหลายหน และยังขอให้สอบพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปาก โดยอ้างประเด็นใหม่ซึ่งไม่เคยปรากฏในสำนวนการสอบสวน ซึ่งพนักงานอัยการก็สอบสวนให้ตามขอ โดยได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ให้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาโดยตลอด ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้ส่งผลสอบสวนเพิ่มเติมมาให้อัยการรับผิดชอบสำนวนเรียบร้อยแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่ง ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด ได้กำชับให้อัยการผู้รับผิดชอบเร่งพิจารณาผลการสอบสวนเพิ่มเติมและมีคำสั่งโดยเร่งด่วนแล้ว

เรือโทสมนึกกล่าวถึงประเด็นความล่าช้าด้วยว่า ครั้งแรกเมื่อรับสำนวนจากพนักงานสอบสวน อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 และอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหาใน 3 ข้อหา 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย 2.ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควรและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียง 3.ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่วนข้อหาขับรถขณะเมาสุราอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวน เนื่องจากพยานหลักฐานทางคดีฟังไม่ได้ว่าผู้ต้องหากระทำผิดโดยการสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว ผบ.ตร.เห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว โดยพนักงานอัยการยังไม่อาจยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลได้ตามคำสั่งฟ้องนั้นได้ เนื่องจากระหว่างรอส่งตัวผู้ต้องหา ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่มาพบอัยการ แต่ให้ทนายความร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการหลายครั้งอ้างประเด็นใหม่ซึ่งอัยการได้สั่งสอบสวนเพิ่มเติมให้ตามขอ แต่เมื่อสอบเพิ่มแล้วก็สั่งยุติเรื่องขอความเป็นธรรม โดยยืนยันให้ผู้ต้องหามาพบอัยการเพื่อส่งฟ้องตามคำสั่งเดิม กระทั่งวันที่ 24 มิถุนายน 2557 ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมให้ชะลอการขอพนักงานสอบสวนออกหมายจับ และขอความเป็นธรรมให้สอบพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปาก

เรือโทสมนึกกล่าวอีกว่า ส่วนข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายขาดอายุความนั้น ข้อหาดังกล่าว เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 67, 152, 157 ที่มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาทสถานเดียว การที่คดีขาดอายุความเป็นเพราะนายวรยุทธ ผู้ต้องหาไม่มาพบอัยการตามนัดจึงทำให้พนักงานอัยการไม่สามารถฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลได้ โดยวันที่ 2 กันยายน 2556 ก่อนคดีจะหมดอายุความเพียง 1 วัน ทนายความของผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือต่ออัยการขอเลื่อนนัดส่งตัวฟ้องอ้างว่าผู้ต้องหาอยู่ประเทศสิงคโปร์ และป่วยกะทันหัน อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์ประวิงคดี จึงมีคำสั่งแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการที่จะออกหมายจับเพื่อนำตัวมาฟ้องศาลในวันดังกล่าว แต่คดีนี้ก็ไม่ทันที่จะได้ออกหมายจับเนื่องจากผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาอีก

“คดีนี้ข้อกล่าวหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี คดีอายุความ 15 ปีนับจากวันเกิดเหตุ 3 กันยายน 2555 ดังนั้นจึงยังไม่ขาดอายุความ ขณะที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าเมื่อกระทำการอันใดเป็นกรรมเดียวซึ่งผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ใช้กฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุดลงโทษแก่ผู้กระทำความผิด ดังนั้น กรณีข้อหาขับรถเร็วฯและประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ซึ่งมีบทลงโทษเบาเพียงโทษปรับนั้นขาดอายุความต่อมา จึงไม่กระทบต่อการดำเนินคดีข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายที่มีโทษหนักที่สุด” โฆษกอัยการสูงสุดกล่าว

Advertisement

เรือโทสมนึกกล่าวย้อนถึงความเห็นในสำนวนคดีว่า ตามสำนวนคดีพนักงานสอบสวน กล่าวหานายวรยุทธเป็นผู้ต้องหาที่ 1 ว่าขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย, ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด, ขับรถขณะมึนเมาสุรา, ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที รวมทั้งกล่าวหา ด.ต.วิเชียร ผู้ตาย เป็นผู้ต้องหาที่ 2 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถอื่นเสียหาย โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายวรยุทธผู้ต้องหาที่ 1 ใน 2 ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ และไม่หยุดให้ความช่วยเหลือฯ โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธในข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด, ขับรถขณะมึนเมาสุรา

ขณะที่เมื่อได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2556 แล้ว ต่อมาอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ จึงมีคำสั่งวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 ให้ฟ้องนายวรยุทธ ผู้ต้องหาที่ 1 รวม 3 ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ, ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด, ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือฯ ส่วนข้อหาขับรถขณะเมาสุรา อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวน เนื่องจากพยานหลักฐานทางคดีฟังไม่ได้ว่าผู้ต้องหากระทำผิด ส่วนที่พนักงานสอบสวนกล่าวหา ด.ต.วิเชียร ผู้ตาย ผู้ต้องหาที่ 2 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถอื่นเสียหาย ซึ่งพนักงานสอบสวนเสนอความเห็นสั่งไม่ฟ้องมาเพราะผู้ต้องหาที่ 2 ถึงแก่ความตายนั้น อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ก็ได้สั่งยุติการดำเนินคดีเพราะผู้ต้องหาได้เสียชีวิตแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image