แม้จะยังไม่แจ่มชัดว่าการรุกเข้าไปยังการเมืองระดับ “ท้องถิ่น” จะมีพื้นที่ใดที่พรรคอนาคตใหม่จะปักหมุดลงไปบ้าง เพราะพรรคอนาคตใหม่ใช้คำว่า
เป็นพื้นที่ในทาง “ยุทธศาสตร์”
นั่นก็คือ จะไม่ตั้งเป้าว่าจะลงไปปักหมุดทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ หากแต่จะพิจารณาเลือกตามความเหมาะสม
1 เป็นพื้นที่ในทางยุทธศาสตร์ 1 เป็นพื้นที่ที่มี ส.ส.เขต
กระนั้น หากดูการเคลื่อนไหวของแกนนำพรรค ไม่ว่าจะเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะเป็น นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็พอจะคาดหมายได้
คาดหมายได้จากหยั่งลงไปใน “พื้นที่”
ไม่ว่าจะเป็นที่ภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นที่จันทบุรี ไม่ว่าจะเป็นที่อุดรธานี ไม่ว่าจะเป็นที่เลย และไม่ว่าจะเป็นที่เชียงราย เชียงใหม่
ชี้ชัดว่าครานี้พรรคอนาคตใหม่เอาจริง
การลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ของพรรคอนาคตใหม่ในจำนวน 350 เขตทั่วประเทศถือเป็นเรื่องใหญ่อย่างยิ่งอยู่แล้ว
การประกาศปักธงการเมือง “ท้องถิ่น” ก็มีความสำคัญ
เพราะเป็นการลงไปบนพื้นฐานเดียวกันกับที่เคยลงไปในปริมณฑลของการเลือกตั้ง ส.ส.ดังที่เห็นกันมา 1 ปี
นั่นก็คือ ไม่ใช้เงิน ไม่มีระบบหัวคะแนน
ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ การลงไปของพรรคอนาคตใหม่เท่ากับเจาะทะลวงไปยังพื้นที่ในทางผลประโยชน์ระดับย่อยที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
ความหมายก็คือ การแตะไปยัง “บ้านใหญ่” ของแต่ละจังหวัด
ที่ผ่านมา การเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็น อบจ. เทศบาล และ อบต. สะท้อนกระบวนการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างมหาศาลและลึกซึ้ง
หากพรรคอนาคตใหม่ลงไปย่อมต้องมีแรงต้านอย่างแน่นอน
คำว่าแรงต้านในที่นี้มิได้หมายความเพียงพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา เท่านั้น
หากที่สำคัญก็คือ พรรคพลังประชารัฐ
เพราะฐานหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ คือ ฐานของนักการเมืองท้องถิ่น หรือหากเป็นนักการเมืองระดับชาติก็สัมพันธ์กับนักการเมืองท้องถิ่น
อย่างเช่นสงขลาก็เป็นพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเช่นสุพรรณบุรีก็เป็นพรรคชาติไทยพัฒนา
อย่างเช่นบุรีรัมย์ก็เป็นพรรคภูมิใจไทย อย่างเช่นสุโขทัย นครราชสีมาก็เป็นพื้นที่แย่งชิงระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา
ทั้งนี้ แทบไม่นับถึงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย
จึงสัมผัสได้ในความระมัดระวังและใช้คำว่า พื้นที่ในทาง “ยุทธศาสตร์” เป็นเป้าหมายในการเลือกเจาะทะลวงเข้าไป
งานนี้ของพรรคอนาคตใหม่จะใหญ่กว่างานเลือกตั้ง ส.ส.
หากมองจากความเป็นพันธมิตรภายใน 7 พรรคการเมืองที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.การต่อสู้กับพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
มิได้เป็นปัญหาต่อพรรคอนาคตใหม่
แต่ที่ละเอียด ประณีต เป็นอย่างสูงก็คือ การต่อสู้กับพันธมิตรซึ่งแนบแน่นอย่างพรรคเพื่อไทยหรือแม้กระทั่งพรรคเสรีรวมไทยและพรรคประชาชาติ
ตรงนี้พรรคอนาคตใหม่จะตัดสินใจอย่างไร