การกลับมาของหนุ่มคลั่งรัก ใน…You

การกลับมาของหนุ่มคลั่งรัก ใน...You

การกลับมาของหนุ่มคลั่งรัก
ใน…You

หลังจากซีรีส์ You สร้างกระแสเมื่อครั้งออกฉายตั้งแต่ซีซั่น 1 ว่าด้วยเรื่องราวของ โจ แบดจ์ลีย์ หนุ่มหล่อจิตวิปลาส ที่เมื่อตกหลุมรักสาวคนไหนก็จะค่อยๆ เผยสภาพธาตุแท้ตัวตนในธรรมชาติของตัวเองที่นิยมความรุนแรงสวมบทเป็นนักสะกดรอยตามทั้งในโลกจริง และนักแกะรอยในโลกโซเชียลมีเดียสืบสาวประวัติหญิงสาวที่เขาหมายปอง แง่หนึ่งคือการแสดงความคลั่งไคล้หลงเสน่ห์จนถึงหมกหมุ่น แต่อีกด้านมืดคือ เมื่อปลายทางการแสดงออกถึงความรักของ “โจ” คือการลงเอยที่เขาจงใจก่ออาชญากรรมกับแฟนสาวของตัวเอง

ใครที่ติดตามซีรีส์เรื่องนี้ตั้งแต่ซีซั่น 1 จะเห็นถึงการวางคาแร็กเตอร์ของพระเอกตัวร้ายในเรื่องที่แม้จะมีปมและความน่าเห็นใจในวัยเด็ก รวมทั้งสภาพที่เติบโตมาในสถานสงเคราะห์และถูกเลี้ยงดูมาด้วยความเจ้าระเบียบ ทั้งหมดหล่อหลอมให้ “โจ” ที่เปลือกนอกคือหนุ่มผู้จัดการดูแลร้านหนังสือที่มีความฉลาดเฉลียว อ่านคนเก่ง อ่อนโยน มีความเห็นอกเห็นใจ รักในวรรณกรรมคลาสสิก แต่ในด้านที่ซุกซ่อนไว้คือหนุ่มคลั่งรักจิตเภทที่ไม่รู้และไม่เข้าใจว่าตัวเองกลายมาเป็นฆาตกรก่ออาชญากรรมได้อย่างไร

      You เป็นซีรีส์โรแมนติก-เขย่าขวัญ-จิตวิทยา โดยซีซั่นแรกประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยเนื้อเรื่องที่สร้างบรรยากาศได้ทั้งความโรแมนติก และสยองจิตไปพร้อมกัน เมื่อ กวินเนเวียร์ เบค นางเอกในซีซั่น 1 ที่ไม่รอดจากเงื้อมมือของ “โจ” กับ “คุกกระจก” สุดสะพรึงในชั้นใต้ดินของร้านหนังสือ

Advertisement

ต่อมา เลิฟ ควินน์ นางเอกในซีซั่น 2 ที่หักมุมเรื่องชนิด 360 องศา เพื่อขยี้ให้ซีรีส์ที่ขายตัวละครสุดโรคจิตนี้ไปได้สุดทางจนทำเอาคนดูอึ้งในบทสรุปของซีซั่น 2 ว่า ทั้ง “โจ” และ “เลิฟ” คือคู่รักโรคจิตยากแท้หยั่งถึงที่โคจรมาพบกัน นำมาสู่การปูต้นทางไว้สำหรับซีซั่น 3 ว่า คู่รักจิตเภทนี้จะสร้างครอบครัวของตัวเองในรูปแบบไหน ด้วยการทิ้งฉากให้เห็นว่า “โจ” ยังคงกระหายที่จะมองหาเหยื่อหญิงสาวคนใหม่ที่เขาพร้อมจะตกหลุมรักและพาเธอไปขังไว้ในคุกกระจกอีกหรือไม่

ก่อนที่ You ในซีซั่น 3 จะออกฉาย นักวิจารณ์และผู้ชมแฟนซีรีส์ตั้งธงล่วงหน้าว่าซีซั่นล่าสุดนี้อาจจะวนเวียนกับพล็อตแบบเดิมๆ หรือไม่ แต่ใน You ซีซั่น 3 ที่เริ่มฉายเมื่อไม่นานมานี้ กลับดำเนินเรื่องต่อและขยายประเด็นออกมาได้ดีเกินคาด นั่นทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้ไฟเขียวไปต่อในซีซั่นที่ 4 ทันที

ใน You ซีซั่นล่าสุดได้ถอดหน้ากากอสูรกายร้ายในตัว “โจ” ออกมาแล่หั่นใหม่อีกครั้ง ทั้งในบทบาทของสามีที่แสนดีที่พยายามจะเดินหน้าสร้างครอบครัวกับ “เลิฟ” ภรรยาสาวโรคจิตที่มีอาการหนักกว่า พร้อมกับที่ “โจ” มีบทบาทในชีวิตเพิ่มในฐานะพ่อลูกอ่อน ขณะเดียวกันซีซั่นนี้เขาต้องต่อสู้ทำความเข้าใจกับอาการจิตเภทของตัวเอง และแน่นอนพล็อตเรื่องการตกหลุมรักสาวคนใหม่ก็กลับมาอีกครั้ง แต่หนนี้ซีรีส์พยายามทำให้เห็นว่า “โจ” ที่แม้จะยังคงมีพฤติกรรมสะกดรอยตามหญิงที่เขาหลงใหล แกะรอยโซเชียล
มีเดีย สืบเสาะข้อมูลทางดิจิทัล รวมทั้งพร้อมก่อเหตุอาชญากรรมเพื่อหญิงที่เขารักเริ่มมีบริบทในตัวที่เปลี่ยนไป ทำให้เรื่องราวหลุดหนีความซ้ำซาก แต่ยังคงอยู่บนธีมหลักที่ขายความโรคจิตของตัวละครเอาไว้ได้

Advertisement

จุดเด่นของซีซั่น 3 คือ สูตรการเล่าเรื่องที่เพิ่มมิติมากขึ้น โดยเฉพาะการที่ “โจ” พยายามทำความเข้าใจอาการจิตเภทของตัวเอง และพินิจพิเคราะห์ตัวเองให้ลึกขึ้นผ่านการแฟลชแบ๊กเรื่องเล่าในอดีตเพื่อคลายปมและนำมาสู่ความเข้าใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าอะไรทำให้เขาชอบไปสะกดรอยตามคนอื่น เขากลายมาเป็นหนุ่มโรคจิตก่อความรุนแรงได้อย่างไร จนในที่สุด “โจ” ก็เริ่มเห็นวิธีที่เขาจะสามารถ “ควบคุมอาการทางจิต” ของตัวเองไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง

นอกจากนี้ จุดที่น่าสนใจและต้องพูดถึงสำหรับ You คือ ซีรีส์นี้พยายามจะกะเทาะประเด็นสังคมบางอย่างผ่านสายตาของคนร้ายๆ อย่าง “โจ” ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เขาพาตัวเองเข้าไปขลุกกับสังคมปัญญาชนแบบฮิปสเตอร์ผู้มั่งคั่งในนิวยอร์กที่ทำให้เขาเห็น “เปลือก” บางอย่างที่ปลอมของกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์แสนแพงว่าทั้งฉาบฉวยและสร้างภาพผ่านโซเชียลมีเดียไปวันๆ

ต่อมาในซีซั่น 2 “โจ” เข้าไปอยู่ในสังคมชนชั้นกลางค่อนรวยในลอสแองเจลิส และแสร้งใส่หน้ากากไปกับสังคมคนรักสุขภาพ พร้อมกับสอดแทรกประเด็น MeToo และสะท้อนให้เห็นวิธีการเลี้ยงดูลูกของครอบครัวที่ส่งผลให้คนคนหนึ่งถูกตามใจจนเป็นโรคจิตได้ กระทั่งในซีซั่น 3 ที่ “โจ” ย้ายไปใช้ชีวิตในย่านหมู่บ้านคนรวยชานเมืองซานฟรานซิสโกที่หนนี้เลือกที่จะเยาะเย้ยถากถางไปยังสังคมที่ผู้คนคลั่งไคล้วัฒนธรรมเทคโนโลยีเข้าเส้นเลือด ความอินในแนวคิดการพูดสร้างแรงบันดาลใจ ไลฟ์โค้ชชิ่งเปลี่ยนชีวิต การบำบัดชีวิตคู่แบบเข้าคอร์สคู่มือปลดล็อกชีวิต การบริโภคในเทรนด์รักสุขภาพที่เคร่งครัด ความเชื่อในวิถีชีวิตอิงธรรมชาติจนปฏิเสธการฉีดวัคซีน ไปจนถึงภาพลักษณ์ครอบครัวแสนสุข ซึ่งในซีซั่นล่าสุดนี้ก็นำมาเล่าหยอกล้อตลกร้ายกันอยู่พอสมควร

โดยรวม “You” เป็นซีรีส์ที่ดูได้ทั้งความบันเทิงและซ่อนสารที่สะท้อนให้เห็นภาพของผู้คนกลุ่มคนมิลเลนเนียลได้ทั้งเสียดสีประชดประชันเลยทีเดียว

ภาพประกอบ Youtube Video / Netflix

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image