ยอดติดโควิดไทยเพิ่มอีก 127 ราย ยอดรวมป่วย 1,651 ราย ตาย 10 เตือน 1 เม.ย.เอพริลฟูล อย่าเล่นโกหกโควิด

‘โฆษก ศบค.’ เผยยอดติดเชื้อโควิด-19 ในไทยรวม 1,651 ป่วยใหม่ 127 ตาย 10 บอก นายกฯให้ความสำคัญกับการใช้งบกลาง เน้นเป้าไปที่แพทย์-พยาบาล-เครื่องมือทางการแพทย์ก่อน

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 31 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงรายงานประจำวัน ว่านายกฯได้เข้าประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จะเห็นว่าท่านเองก็ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการในการสร้างระยะห่างระหว่างบุคคล ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ก็ไปอยู่ที่กระทรวงแต่ละกระทรวง นอกจากนี้ นายกฯยังได้ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้สร้างปรากฏการณ์โดยการนัดหมายปรบมือให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราได้เห็นบ่อยนัก ท่านก็ขอขอบคุณกำลังใจที่เกิดขึ้นในคนไทย เพราะถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในขณะนี้ ซึ่งนายกฯซาบซึ้งใจ พร้อมส่งกำลังใจให้แพทย์ พยาบาล ที่ช่วงนี้ต้องทำงานหนักมากเพื่อพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ นายกฯให้ความสำคัญทุกข้อมูล ทุกข้อความ และนำมาสู่มาตรการที่จะนำมาจัดการหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ส่งถึงมือพี่น้องประชาชน และแพทย์ในเร็ววันนี้

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลก รวม 784,381 ราย อาการหนัก 29,597 ราย หายแล้ว 165,035 คน ตายรวม 37,780 ราย สหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงที่สุด คือ 154,825 ราย ตามมาด้วยประเทศอิตาลี จีน สเปน เยอรมัน ฝรั่งเศส ฯลฯ โดยไทยอยู่ลำดับที่ 35 ราย สำหรับตัวเลขสะสมของประเทศไทย ยืนยันตัวเลขรวมที่ 1,651 ราย ผู้ป่วยใหม่ 127 ราย เสียชีวิตรวม 10 ราย โดยผู้เสียชีวิต 1 รายล่าสุดเป็นผู้ป่วยชายไทย อายุ 48 ปี อาชีพนักดนตรี ทำงานอยู่ที่ กทม. มีโรคส่วนตัวคือเบาหวานและมะเร็ง เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม ด้วยอาการไอ มีไข้ เดินทางกลับไปต่างจังหวัดมีอาการหอบมากขึ้น จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคอีสานจนพบว่ามีปอดอักเสบ อาการรุนแรงขึ้นจนระบบการหายใจล้มเหลว และติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิต ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตด้วย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯและนนทบุรียังเป็นพื้นที่ที่มีคนติดเชื้อมากสุด คือ 869 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 77 ราย ภาคเหนือ 55 ราย ภาคกลาง 172 ราย และภาคใต้ 206 ราย ส่วนกลุ่มอายุยังคงไว้ที่กลุ่มวัยทำงาน โดยอายุ 20-19 ปี เป็นหญิงมากกว่าชาย แต่ถ้าอายุ 30-39 ปี เป็นชายมากกว่าหญิง และ 40-49 ปี ชายมากกว่าหญิง 50-59 ปี ชายมากกว่าหญิง ทำให้อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 39 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงานที่ต้องเดินทางออกนอกบ้าน และสามารถเป็นพาหะไปติดคนในบ้านได้ ทุกคนต้องดูแลตัวเอง ทำให้กราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อหลังมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือว่าพึงพอใจระดับหนึ่ง ถ้าพี่น้องประชาชนร่วมมือกันดีตัวเลขน่าจะลดลงได้มากกว่านี้ และนายกฯบอกไม่ให้นิ่งนอนใจ ให้ปลัด สธ.ติดตามดูแลตัวเลขนี้อย่างใกล้ชิดแล้วรายงานข้อมูลสม่ำเสมอ โดยรายละเอียดผู้ติดเชื้อวันนี้ 1.กลุ่มใหญ่ 62 ราย มาจากสนามมวย สถานบันเทิง ผู้สัมผัสใกล้ชิด 2.กลุ่มผู้ป่วยอื่นๆ 49 ราย มีบุคลากรทางแพทย์ 3 ราย ซึ่งติดเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโควิด-19 และ 3.กลุ่มรอรายละเอียดจากการสอบสวนโรค 16 ราย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ใน กทม.การเว้นระยะห่าง 2 เมตร ทุกท่านต้องร่วมมือกัน เพราะ กทม.มีจำนวนประชากรกว่า 10 ล้านคน ส่วนพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดก็อย่านิ่งนอนใจ เพราะตัวเลขยังอยู่ที่ทรงๆ เพราะกราฟยังมากขึ้นมา ต้องขอความร่วมมือพวกท่าน เพราะหากดูจำนวนผู้ป่วยในรายสัปดาห์จะเห็นได้ชัดว่าการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ยืนยันรายการก่อนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่ผู้ที่ติดเชื้อจากสนามมวยทยอยลดจำนวนลง แต่คนที่ติดจากสนามมวยก็กลับบ้าน และกลายเป็นกลุ่มติดจากคนใกล้ชิดนั่นเอง ส่วนคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หลายคนก็ให้ความร่วมมือกักตัวอยู่บ้านดี แต่หลายคนก็ยังไม่ให้ความร่วมมือ ส่วนสถานบันเทิงตอนนี้ขอร้องให้งดเว้นการร่วมสังสรรค์ทุกอย่าง

Advertisement

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ทางกรมควบคุมโรคได้นำตัวเลขมาใส่จุดสีแดงให้เห็นภาพการติดเชื้อรายใหม่ จุดก็ยังกระจุกตัวที่ กทม. ขณะที่นนทบุรี ภูเก็ต และยะลา มาเป็นอันดับ 2 นครปฐมเป็นอันดับ 3 ขณะที่ปทุมธานี สมุทรสาคร ศรีสะเกษ และอุตรดิตถ์ ตามมาเป็นอันดับ 4 ซึ่งต้องพยายามช่วยกันให้กราฟจุดแดงนี้น้อยที่สุดกว่านี้ ต้องใช้ทุกวิถีทาง สำคัญที่สุดคือโซเชียลดิสแทนซิ่ง

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับมาตรการจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เช่น กรณีการขอความร่วมมือไม่ให้ถ่ายทอดสดการชกมวย การเดินทางโดยใช้วินมอเตอร์ไซค์ การใส่บาตรโดยการจกข้าวเหนียว ไปจนถึงการขอความร่วมมืองดกองถ่ายทำ และการอัดรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นข้อความจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พูดขึ้นมาจริงเพื่อขอความร่วมมือ เพราะเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการจัดสรรงบกลาง โดยนายกฯให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ซึ่งท่านบอกว่าการจัดสรรงบกลางที่สำคัญตอนนี้คือ ให้ไปเพิ่มค่าตอบแทนของบุคลากรทางการแพทย์ ค่าเสี่ยงภัย และค่าล่วงเวลา ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขรับเรื่องนี้ไปตั้งแต่ตอนต้น รวมถึงการให้จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และเตรียมโรงพยาบาลสนาม ด้วย อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (วันที่ 1 เมษายน) เป็นวัน “April Fool’s Day” เพจดังได้โพสต์เตือนประชาชนว่า อย่านำเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 มาพูดโกหกในวันดังกล่าว เพราะคุกแน่นอน ก็ต้องขอบคุณสื่อโซเชียลที่ช่วยกันในส่วนนี้ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image