‘เอนก’ ลั่น พร้อมสนับสนุน ‘พัฒนา-ปฏิรูป’ มหาวิทยาลัย ชี้ อว.ต้องเป็นกระทรวงของเยาวชน

‘เอนก’ ลั่น พร้อมสนับสนุน ‘พัฒนา-ปฏิรูป’ มหาวิทยาลัย ชี้ อว.ต้องเป็นกระทรวงของเยาวชน

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวตอนหนึ่งในการมอบนโยบายการบริหารงานในการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) ว่า จากที่ตนได้ศึกษางานที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการ อว. ได้ทำไว้ ตนพบว่างานที่ทำมาได้ดำเนินการมาอย่างดี ซึ่งตนจะไม่ไปลด หรือหยุดการดำเนินการอะไรก็ตามที่ได้ทำอยู่แล้ว และสิ่งที่เพิ่มเติมคือจะทำให้ อว. เป็นกระทรวงของเยาวชนอย่างแท้จริง

นายเอนก กล่าวต่อว่า หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ตนตระหนักว่า อว.มีผลงานด้านการเเพทย์ที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนจำนวนมาก จากการร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานอื่นๆ ดังนั้นทุกมหาวิทยาลัยควรมุ่งเน้นพยายามพัฒนาตนเอง เพื่อสนับสนุนและพัฒนาเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือประชาชนท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ด้วย และในขณะนี้รัฐบาลกำลังทำโครงการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน โดยรัฐบาล ภาคเอกชน ภาคธุรกิจและประชนชน เข้ามามีส่วนร่วม โดยรัฐบาลมอบหมายในรัฐมนตรีเป็นที่ปรึษาดูแลแต่ละจังหวัดด้วย ตนมองว่าในส่วนของ อว. มหาวิทยาลัยควรเข้ามามีบทบาทเข้าไปช่วยเหลือทุกจังหวัด เพราะมหาวิทยาลัยกระจายกันทั่วประเทศอยู่แล้ว

“นอกจากนี้เราต้องยกระดับพัฒนามหาวิทยาลัยทุกแห่งให้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งปฏิบัติด้วย ดังนั้นมหาวิทยาลัยกับหน่วยงานของ อว. จะต้องขับเคลื่อนงานร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์และนำไปแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำหลักสูตรร่วมกัน และการทำงานต่อไปของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ควรจะนำความต้องการของประเทศมาเป็นตัวตั้งในการทำวิจัยและนวัตกรรมด้วย ไม่ใช่วิจัยตามความสนใจของตนเท่านั้น ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยอาจจะจัดทำโครงการอบรมเพื่อผนึกกำลังร่วมกันระหว่างผู้บริหารขององค์กรภายใน อว.และภาคเอกชน หน่วยงานอื่นๆ ได้รู้จักและเรียนรู้แลกเปลี่ยนความต้องการของตน เพื่อที่จะให้มหาวิทยาลัยนำไปต่อยอดพัฒนาหลักสูตรให้ผลิตคนออกมาตรงความต้องการของภาคเอกชนด้วย” นายเอนก กล่าว

นายเอนก กล่าวต่อว่า ตนจะสนับสนุนการเร่งรัดการปฏิรูปของมหาวิทยาลัยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบงบประมาณต่างๆ ระบบการจัดการเรียนการสอน การขอตำแหน่งทางวิชาการที่ควรแยกประเภทให้ชัดเจน ส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยเป็นอิสระทางวิชาการ มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง สอนให้นิสิต นักศึกษามีความสร้างสรรค์ สามารถสร้างวิจัย และนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติได้

Advertisement

ด้าน นพ.อุดม คชินทร ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า กกอ. เน้นการพัฒนา 5 เรื่อง ตามยุทธศาสตร์ 20 ปี และนโยบายของรัฐบาล คือ 1.การเร่งสร้างและพัฒนากำลังคนของประเทศ 2.การพลิกโฉมมหาวิทยาลัย 3.การขับเคลื่อนความเป็นสากล 4.การจัดทำและใช้ฐานข้อมูลการอุดมศึกษา และ 5.การยกระดับธรรมาภิบาล ดังนั้น มหาวิทยาลัยต้องปรับหลักสูตรให้มุ่งสู่อนาคต พัฒนาจุดเด่นของตน และปรับหลักสูตรให้มีความทันสมัย ยกระดับตนเองให้ตอบโจทย์ความต้องการของโลก เพื่อจะดึงนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนมากขึ้น ซึ่งอาจจะสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมาก และหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 คนจะตกงานจำนวนมาก สถาการณ์โควิด-19 ทำมหาวิทยาลัยต้องจัดการเรียนการสอน โดยเน้น 3 หลักคือ 1.นักศึกษา บุคลากร ต้องมีความปลอดภัย 2.ความเท่าเทียมกัน มหาวิทยาลัยต้องไม่ตัดเสื้อเหมาโหล ไม่สอนเหมือนกันทั้งหมดอีกต่อไป และ 3.มหาวิทยาลัยต้องส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนที่นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา

“อุดมศึกษาไทย ต้องปรับตัวโดยวางเป้าหมายไว้ว่า สุดท้ายของการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา อาจจะไม่ใช่ปริญญาอีกต่อไป แต่เป็นการจัดการศึกษาเพื่อสร้างหลักสูตรที่เป็น Non-degree/Training เพิ่มขึ้นเน้น สมรรถนะและทักษะต่างๆมากกว่าวิชาการ มหาวิทยาลัยต้องสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลง สร้างหลักสูตรใหม่ เพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิต ภาคการบริหารยุคใหม่ เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมให้ผู้เรียน เรียนจากการปฏิบัติ และประสบการณ์จริง เอาทักษะและสมรรถนะที่ต้องการมาเป็นตัวตั้งในการพัฒนา ทั้งนี้มหาวิทยาลัยควรพัฒนาตนเองร่วมสอนจากหลายคณะหลายมหาวิทยาลัย เน้นปฏิสัมพันธ์กับระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน ชุมชน สังคม และสถานประกอบ พร้อมกับรีสกิล อัพสกิลอาจารย์ มาสอนสิ่งที่โลกปัจจุบันต้องการ หรือเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตด้วย” นพ.อุดม กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image