‘สหกรณ์ผู้เลี้ยงหมูฉะเชิงเทรา’ จี้ กมธ.แก้โรคระบาดหมู ช่วยเหลือเยียวยา 3 ข้อ ด้าน ‘วีระกร’ ชี้ กมธ.เคาะความเห็น 6 ข้อ ช่วยเหลือคนเลี้ยงหมู
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 22 มีนาคม ที่รัฐสภา นายเสน่ห์ นัยเนตร ประธานกรรมการสหกรณ์ปศุสัตว์และสัตว์น้ำ ฉะเชิงเทรา จำกัด พร้อมด้วยเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูประมาณ 30 คน เข้ายื่นหนังสือต่อ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และศึกษาแนวทางช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาสินค้าอุปโภคปรับตัวสูงขึ้น สภาผู้แทนราษฎร เพื่อทวงถามความคืบหน้าหลังจากที่เคยยื่นขอความช่วยเหลือมาแล้วเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565
โดยต้องการให้เร่งรัดการเยียวยา และชดเชยความเสียจากโรคระบาดในสุกร และนำไปสู่การฟื้นฟูอาชีพการเลี้ยงสุกรโดยเร็วใน 3 เรื่อง คือ 1.การชดเชย เยียวยาให้กับสมาชิกสหกรณ์ 38 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 139 ล้านบาท 2.ฟื้นฟูอาชีพเลี้ยงสุกร โดยรัฐจัดหาแหล่งเงินทุนปลอดดอกเบี้ย และ 3.พัฒนาสหกรณ์ให้มีศูนย์วิจัยโรคระบาด และวินิจฉัยโรคได้ทันสถานการณ์
ด้าน นายวีระกร กล่าวว่า กมธ.ได้เร่งพิจารณาปัญหาโรคระบาดในสุกร และสามารถจัดทำเป็นข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่จะรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ความเห็นชอบใน 6 ข้อ ดังนี้
1.รัฐบาลต้องให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ปล่อยเงินกู้ ดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ปลอดดอกเบี้ย 6 เดือน และปลอดเงินต้น 2 ปี สำหรับเกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงสุกรไม่เกิน 50 ตัว เสนอเงินทุนให้ 2.5 แสนบาท
2.กรมปศุสัตว์จัดหาลูกสุกรหย่านม น้ำหนักตัว 16 กิโลกรัม ขายให้เกษตรกรในราคาไม่เกินตัวละ 2,000 บาท รวมถึงแม่พันธุ์ด้วย
3.กรมปศุสัตว์ต้องตรวจสอบพื้นที่โรคระบาดว่ามีความปบอดภัย สามารถเปิดฟาร์มได้ และเน้นให้เกษตรกรสร้างฟาร์มแบบใหม่ มีโรงเรือนปิด เพิ่มความปลอดภัยจากทั้งแมลง ฝุ่น หรือเชื้อโรคจากคน และออกใบรับรองมาตรฐานฟาร์มให้เกษตรกรนำไปยื่นกู้
4.จัดอบรมอาสาปศุสัตว์และเกษตรกรรายย่อย
5.จัดอบรมอาสาปศุสัตว์อำเภอให้มีความรู้ มีทักษะ ความสามารถในการเลี้ยงสุกร
และ 6.ลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 100% เป็นการชั่วคราว
นายวีระกรกล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ราคาอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น ซึ่ง กมธ.ได้ศึกษาเพิ่มเติมการนำข้าวกะเทาะเปลือก ทั้งข้าวสาลี และข้าวกล้อง เพื่อมาทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ประเทศไทยผลิตได้ไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ทั้งนี้ ในการประชุม กมธ.สัปดาห์หน้าจะเชิญตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตและแปรรูปอาหารสัตว์ทดแทน