ทนายรณณรงค์-สิระ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ‘พลทหารพิชวัฒน์’ ผูกคอดับ ญาติพลทหารอีกรายยื่นขอความเป็นธรรมด้วย

ทนายรณณรงค์-สิระ ลงพื้นที่ร้อยเอ็ด ตรวจสอบที่เกิดเหตุพลทหารผูกคอดับ ญาติพลทหารผูกคอในค่ายขอนแก่น ยื่นขอความเป็นธรรมอีกราย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตามตรวจสอบความคืบหน้าและการสอบสวนข้อเท็จจริงสำนวนคดี กรณีพลทหารพิชวัฒน์ เวียงนนท์ ที่ผูกคอตัวเองภายในห้องน้ำ กองรักษาการณ์ ค่ายประเสริฐสงคราม จังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยืนยันว่าอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนข้อเท็จจริงและเก็บพยานหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องด้วยความละเอียดรัดกุมที่สุด ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุที่เกี่ยวข้องทุกอย่าง แม้แต่เชือกที่ผูกคอตายซึ่งเป็นพยานสำคัญก็เก็บไว้เพื่อการตรวจสอบ ซึ่งมีความคืบหน้าทางการสอบสวนมากแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยสำนวนการสอบสวนให้กับบุคคลภายนอกและญาติทราบได้ เพราะจะเสียรูปคดี ตอนนี้รอเพียงผลการผ่าพิสูจน์ศพมาประกอบสำนวนคดีก็น่าจะสรุปสำนวนการสอบสวนได้

ส่วนกรณีที่ญาติผู้เสียชีวิต หากติดใจสงสัย สามารถมาให้ปากคำและข้อเท็จจริงได้ โดยเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อนำไปสู่การสรุปสำนวนคดีให้ตรงกับข้อเท็จจริง

อย่างไรก็ตาม นอกจากนางหนูไกร บุญวิเศษ ที่มายื่นหนังสือขอความเป็นและให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของสาเหตุการตายของลูกชายที่ผูกคอตายในค่ายทหารร้อยเอ็ดแล้ว ยังมีนายสุรชัย เสนาสนิท อายุ 43 ปี และนางสาวอุลัย เรื่อยมา อายุ 42 ปี ชาวขอนแก่น เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายสิระ ร้องขอความเป็นธรรมให้มีการตรวจสอบกรณีที่พลทหารรชฏ เสนาสนิท อายุ 21 ปี สังกัดค่ายศรีพัชรินทร์ ขอนแก่น ผูกคอตายเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2563 มีเงื่อนงำว่าน่าจะไม่ใช่การผูกคอตาย

Advertisement

จากนั้นคณะเดินทางไปยังค่ายทหารที่เกิดเหตุ โดยแพทย์ทหารชี้แจงข้อมูลพื้นฐานทหารที่ผูกคอตายว่า เข้ามาครั้งแรกพบว่าทหารรายดังกล่าวปีปัญหาสุขภาพ ป่วยเป็นโรคปอด เข้ามาแล้วจึงตรวจพบว่ามีอาการป่วยภายหลัง แต่ก็ไม่ใช่โรคร้ายแรงที่จะเข้าข่ายเป็นทหารไม่ได้แล้ว จึงมีการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของค่ายและภายนอกเป็นระยะ ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาของการเกิดความเครียด ผสมกับการหนีทหารบ่อย จนตามตัวกับมาบ่อยครั้งซึ่งในครั้งสุดท้ายก่อนเสียชีวิตก็หนีทหารไปลอยกระทง จนแฟนสาวและครอบครัวส่งตัวกลับมาเข้าค่าย ก่อนจะเกิดเหตุการณ์สลดในห้องกักกัน โดยไม่ได้มีการซ้อมหรือทำให้ตายแล้วเอาไปแขวนคออำพรางแต่อย่างใด

ต่อมา ได้นำคณะเข้าตรวจสอบบริเวณห้องควบคุมทหารที่มีโทษขนาดเบา ซึ่งเป็นจุดที่พลทหารผูกคอตาย ในห้องน้ำ โดยตอบข้อกังขาว่า เชือกที่ใช้ผูกคอตาย กองพลทหารดังกล่าวไม่ได้มีเงื่อนงำน่าสงสัย เนื่องจากเป็นเชือกที่ใช้ตากผ้าภายในห้องน้ำ ซึ่งมีอยู่แต่ดั้งเดิมแล้ว โดยไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ พร้อมกับนำทหาร 2 นาย คือ สิบโทวัชริศ นวลระแหง พลปริญญา พิมพ์เสนา ที่ถูกกักตัวในห้องเดียวกันมาให้ข้อมูลตามที่สื่อมวลชนต้องการสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งพลทหารปริญญา พิมพ์เสนา ที่ถูกร่วมกักตัวด้วยยืนยันว่าทหารที่เสียชีวิต ผูกคอตายเอง โดยไม่มีใครทำให้ตาย ทั้งนี้ เนื่องจากไม่มีใครเข้ามาในห้องกักตัวในคืนเกิดเหตุแต่อย่างใด แล้วในวันต่อมาหาตัวผู้ตายไม่เจอ และหายไป สุดท้ายไปตามหาก็พบว่าใช้เชือกซึ่งใช้ตากผ้าผูกคอตาย ส่วนสาเหตุตนเองก็ไม่ทราบชัดเจน อาจเป็นความเครียด และที่ได้ยินผู้ตายบ่นก่อนหน้านั้นก็คือเรื่องน้อยใจที่หนีทหารแล้ว แฟนเป็นคนนำตัวกลับมาส่ง ซึ่งก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นสาเหตุหรือไม่ เพราะเจ้าตัวก็ไม่เคยเล่าปัญหาอะไรให้ฟังมากเกินไปกว่านี้ และในคืนก่อนที่จะผูกคอตาย ปรากฏว่าผู้ตายเกิดความเครียด ทุบทำลายพัดลมภายในห้องจนเสียหาย ใช้การไม่ได้ พร้อมกับขอให้ทหารนำพัดลมตัวที่ถูกทุบทำลายเสียหายจนใช้การไม่ได้มาให้สื่อมวลชนดูเพื่อเป็นการยืนยันว่ามีการเกิดเหตุทำลายพัดลมจริง ก่อนที่ผูกคอตายในวันต่อมา

Advertisement

ขณะที่สิบโทวัชริศ นวลระแหง กล่าวว่า ในกรณีที่ผู้ตายผูกคอตายในชุดกางเกงสีดำ เสื้อสีแดง ซึ่งเป็นเสื้อผ้าชุดที่ใส่ในวันที่แฟนพาผู้ตายกลับมายังค่าย แล้วต่อมาในวันรุ่งขึ้นก็ผูกคอตายในเสื้อผ้าชุดเดิม ซึ่งมีการเข้าใจผิด และญาติหลายคนกังขาว่าผู้ตายได้เสียชีวิตในคืนที่แฟนสาวและญาตินำตัวส่งกลับมายังค่ายทหารนั้น ตน ยืนยันว่า หลังจากผู้ตายถูกส่งกลับตัวมายังค่ายทหารจะถูกนำมากักตัวนั้น ไม่ได้เซ็นชื่อในตอนกลางคืนคืนนั้น และได้มาผูกคอเสียชีวิตในวันต่อมาจริง เพราะในช่วงกลางคืนที่ถูกนำตัวส่งกลับมายังค่ายก็ยังเจอหน้าและนอนด้วยกันเป็นปกติดี จนกระทั่งตอนเช้าก็ยังได้พบกัน แล้วจากนั้นในช่วงสายๆ ก็หายตัวไป แล้วไปตามหาก็พบว่าผูกคอตายเสียชีวิตในห้องน้ำแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการนำคณะตรวจสอบชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว นางหนูไกร บุญวิเศษ และญาติก็ได้นิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธีอัญเชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตกลับบ้าน โดยการอัญเชิญดวงวิญญาณกลับบ้านครั้งนี้ มีทนายรณรงค์และนายสิระร่วมเดินทางไปยังบ้านของผู้เสียชีวิตเพื่อเคารพศพและมอบเงินช่วยเหลือส่วนหนึ่งให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย

ทนายรณรงค์เปิดเผยก่อนเดินทางกลับว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อตรวจสอบและเก็บข้อมูลส่วนหนึ่งนำไปประกอบสำนวนคดีที่มอบให้กองปรา เข้ามาดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่าน่าจะมีความบกพร่องด้านการเก็บวัตถุพยานตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งหลายอย่างที่พบยังบอกไม่ได้ เนื่องจากเป็นความลับทางสำนวนคดีที่จะนำไปมอบให้กับทางกองปราบปรามรับไปดำเนินการ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุพนักงานสอบสวนจะต้องทำงานรัดกุมและกล้าที่จะเก็บพยานวัตถุที่เป็นหลักฐานให้ชัดเจนครบถ้วน ยกตัวอย่างเช่น กรณีการผูกคอตาย ต้องสอบสวนตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเชือกมาจากไหน ใครเป็นคนผูก หากมีพยาน ก็ต้องสอบสวนให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้ความจริงปรากฏ

ด้านนายสิระกล่าวว่า การยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมของทุกกรณีที่ได้รับ จะนำเข้าสู่วาระการประชุม พิจารณา เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอเอกสารที่อยู่ในคดีและในสำนวน เพื่อตรวจสอบว่ายังมีประเด็นอะไรที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนรัดกุม นำไปสู่การได้รับความเป็นธรรมให้กับผู้ร้องเรียน ตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ทบ.’ พร้อมตรวจสอบ พลทหาร มทบ.27 เสียชีวิต ให้เป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย
กองปราบรอผลชันสูตรศพพลทหารก่อนลงพื้นที่สางคดี
ผอ.นิติวิทย์ ยธ.เผยรับศพ “พลทหารพิชวัฒน์” ผ่าพิสูจน์ยังไม่เน่า ไม่พบรอยฟกช้ำ-บาดแผลตามร่างกาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image