สัญญาณ ‘กลุ่ม 3 ป.’ ผนึกพลัง กระหน่ำใส่ ธรรมนัส พรหมเผ่า
บรรยากาศ ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม เป็นบรรยากาศที่สร้างความระทึกใจให้กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นอย่างสูง
ไม่เพียงแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะออกมาปฏิเสธเรื่องการจัดทำ ‘โพล’ โดยพรรคพลังประชารัฐ
หากแต่การเดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ของบรรดารัฐมนตรีจำนวนหนึ่งไม่ว่าจะเป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายอนุชา นาคาศัย มากด้วยความละเอียดอ่อน
ยิ่งละเอียดอ่อนเป็นทบเท่าทวีคูณเมื่อปรากฏเงาร่างของ นายสุชาติ ชมกลิ่น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ และโดยเฉพาะ นายสันติ พร้อมพัฒน์
ทั้งนี้ แทบไม่ต้องกล่าวถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
นี่ย่อมเป็น “สัญญาณ” อันแหลมคมในทาง ‘การเมือง’
เป็นสัญญาณอันบ่งชี้ว่า เวลาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในพรรคพลังประชารัฐอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ทั้งหมดนี้หากเป็นเพียงภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในประเภท ‘หน่วยขึ้นตรง’ (นขต.) ก็อาจมิได้สร้างความวิตกเท่าใดนัก
แต่พลันที่มีการขยับขับเคลื่อนมาจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ตามมาด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย เมื่อประสานเข้ากับท่าทีแข็งกร้าวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
นี่ย่อมเด่นชัดว่าระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ น่าจะมีข้อตกลง ”ร่วม” โดยพื้นฐานแล้ว และปลายหอกย่อมพุ่งเข้าใส่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เท่านั้น
หากมีการขจัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค นั่นย่อมหมายถึงเส้นทางและความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบผลสำเร็จ เท่ากับบ่งบอกเส้นทางที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เลือก
แม้จะเสีย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่เพื่อรักษา ‘ภาพ’ ความแนบแน่นระหว่าง ‘กลุ่ม 3 ป.’ ยังดำรงคงอยู่ไม่แปรเปลี่ยน
นี่ย่อมเป็น ‘ยุทธศาสตร์’ สำคัญในทาง ‘การเมือง’