09.00 INDEX สัญญาณ ร้อนแรง ทางการเมือง พุ่งตรง เข้าหา “ศาลรัฐธรรมนูญ”
ถามว่าเป้าหมายสูงสุดอันอยู่ภายใต้กระบวนการออก “คำวินิจฉัย” โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ปรากฏขึ้นในวันที่ 10 พฤศจิกายน คือ
ต้องการให้จบ
อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการให้คำตอบว่าข้อเสนอ 10 ข้ออันเกิดขึ้นในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เป็นการปฏิรูปหรือว่าเป็นการล้มล้าง
และเมื่อคำตอบออกมาโดยสรุปว่าเป็น “การล้มล้าง”
ปรากฎว่าความเห็นส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นคำตอบสุดท้ายเป็นการสิ้นข้อสงสัยและพยายามที่จะนำเอาคำวินิจฉัยไปขยายผล ดังเห็นได้ จากท่าทีของกกต. ดังเห็นได้จากท่าทีของ นายณัฐพร โตประยูร
ขณะเดียวกัน “ปฎิกิริยา” อันแสดงออกตั้งแต่ก่อนการอ่านคำวินิจฉัยก็คือการปฏิเสธจากผู้ถูกกล่าวหาอย่างน้อยก็ 3 คนไม่ยอมรับต่อคำวินิจฉัย
นอกจากนั้น มวลชนไม่ว่าจะมาในนามแนวร่วมธรรมศาสตร์
และการชุมนุม ไม่ว่าจะมาในนามของกลุ่มทะลุฟ้าก็แสดงออกด้วยคำประกาศไม่ยอมรับต่อคำวินิจฉัยเช่นเดียวกัน
“ปฎิกิริยา”และการไม่ยอมรับ “คำวินิจฉัย” นี้แหละน่าศึกษา
รูปธรรมหนึ่งแห่งการแสดง “อารยะขัดขืน” อย่างเด่นชัดก็คือ จำนวนผู้ร่วมลงชื่อต่อข้อเสนอของ “ราษฎรประสงค์ ยกเลิก 112” ที่เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน มาถึงวันที่ 10 พฤศจิกายนก็มิได้หยุดนิ่ง
ตรงกันข้าม หลังจากได้ 100,000 รายชื่อในวันที่ 6 พฤศจิกายน และได้ 200,000 รายชื่อในวันที่ 9 พฤศจิกายน
เมื่อผ่านจากการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใน วันที่ 10 พฤศจิกายน ตัวเลขก็ยังทะยานจาก 200,000 รายชื่อเข้าไปยัง 223,684 รายชื่อในวันที่ 12 พฤศจิกายน
ยิ่งกว่านั้นในวันที่ 11 พฤศจิกายนยังมีแถลงการณ์จาก 30 องค์กรนักศึกษาไม่ยอมรับต่อคำวินิจฉัย
และเกิดปรากฏการณ์การแฮ็กเว็บไซต์ของศาลรัฐธรรมนูญ
ไม่ว่าปรากฏการณ์จากแถลงการณ์ของ 30 องค์กรนักศึกษาในขอบเขตทั่วประเทศ ไม่ว่าปรากฎการณ์อันสำแดงผ่านการเคลื่อน ไหวอย่างเอกเทศ
ความหมายโดยตรงคือการปฏิเสธต่อคำวินิจฉัยของตุลาการ
เหล่านี้อาจเป็นเพียง”ปฏิกิริยา”อันเป็นเงาสะท้อนในทางความคิดที่ดำรงอยู่และยังมิได้ปะทุขึ้นเป็นการเคลื่อนไหว การชุมนุม
กระนั้นก็เท่ากับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการณ์มิได้จบ มิได้ยุติ